สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) หลังจากบริษัทซีเอ็มซี กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาด NYMEX ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บเงินประกันขั้นต้น (initial margin) สำหรับสัญญาโลหะเงินล่วงหน้า ซึ่งข่าวดังกล่าวนอกจากจะทำให้เกิดแรงขายในสัญญาทองคำแล้ว ยังได้ฉุดสัญญาโลหะเงินร่วงลงอย่างรุนแรงด้วย นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 33.90 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 1,481.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินดิ่งลง 3.148 ดอลลาร์ หรือ 8% ปิดที่ 36.24 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 13.6 เซนต์ ปิดที่ 3.998 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ดิ่งลง 48.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1778.2 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 35.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 710.80 ดอลลาร์/ออนซ์
การปรับฐานลงอย่างรุนแรงของสัญญาโลหะเงินส่งผลให้เกิดแรงเทขายในสัญญาทองคำ โดยสัญญาโลหะเงินได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังจากซีเอ็มซีกรุ๊ปประกาศเพิ่มการเรียกเก็บเงินประกันขั้นต้น (initial margin) สำหรับสัญญาโลหะเงินเป็น 16,200 ดอลลาร์/สัญญา จากเดิม 14,513 ดอลลาร์/สัญญา และปรับเพิ่มเงินประกันรักษาสภาพ (maintenance margin) เป็น 12,000 ดอลลาร์/สัญญา จากเดิม 10,750 ดอลลาร์/สัญญา
นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดราคาทองคำร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 73.639 จุดเมื่อคืนนี้ จากระดับ 73.095 จุด