(เพิ่มเติม) กนง.ยอมรับหารือความจำเป็นขึ้นดบ.สูงกว่า 0.25% แต่ยังห่วงความไม่แน่นอน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 15, 2011 09:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 54 โดยระบุว่า กนง.หารือถึงความจำเป็นของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าร้อยละ 0.25 ต่อปี แต่เห็นว่าการปรับตัวของตลาดการเงินและเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีทิศทางที่เหมาะสม ประกอบกับ ยังมีความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ G3 รวมทั้งความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในประเทศภายหลังการเลือกตั้ง

ดังนั้น กนง.เห็นว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอัตราร้อยละ 0.25 ต่อปี มีความเหมาะสมกว่า จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2.75 เป็นร้อยละ 3.0 ต่อปี โดยให้มีผลทันที และจะติดตามแนวโน้มแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะดำเนินนโยบายอย่างเหมาะสม

กนง.ประเมินความเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลกในไตรมาสแรกชะลอลงเล็กน้อย แต่ยังมีแรงส่งให้ขยายตัวได้ในครึ่งหลังของปี โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอลงของการบริโภค ซึ่งได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อสูงขึ้น ขณะที่เหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่นส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลงในไตรมาสแรก แต่คาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ในครึ่งหลังของปี

เศรษฐกิจยูโรยังคงขยายตัวได้จากแรงขับเคลื่อนของประเทศหลัก โดยเฉพาะเยอรมนีและฝรั่งเศส แต่ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยุโรป โดยเฉพาะกรีซที่ไม่สามารถลดการขาดดุลได้ตามแผนที่วางไว้เดิม โดย กนง.บางท่านตั้งข้อสังเกต ว่าแม้จะเกิดปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยุโรป แต่ยังไม่เห็นสัญญาณของผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศหลัก ส่วนเศรษฐกิจเอเชียยังคงขยายตัวได้ดีจากทั้งอุปสงค์ในประเทศและการส่งออก

ขณะที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกยังขยายตัวได้ดีจากการลงทุนภาคเอกชน การส่งออก และการผลิต สินค้าเกษตรที่ขยายตัวมากกว่าคาด แม้การผลิตสินค้าภาคอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในญี่ปุ่นอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 2 แต่ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า การผลิตจะฟื้นตัวได้เร็วในครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะการผลิตยานยนต์จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชีย คาดว่าการผลิตจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยไม่กระทบเป้าการส่งออกในปีนี้

ส่วนการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง เพราะไม่ได้รับผลกระทบจาก supply disruption เนื่องจากสามารถหาวัตถุดิบจากแหล่งผลิตอื่นทดแทนได้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ขยายตัวต่อเนื่องจากรายได้เกษตรกรและการจ้างงานที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงสินเชื่อที่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

กนง.ประเมินแรงกดดันเงินเฟ้อต่างประเทศและในประเทศ แรงกดดันด้านราคาเร่งตัวขึ้นในภูมิภาคต่างๆ จากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ แม้ราคาสินค้าดังกล่าวจะมีแนวโน้มชะลอลงในอนาคต แต่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในภูมิภาคต่างๆ ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียซึ่งมีความเสี่ยงที่ต้นทุนราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์จะส่งผ่านไปยังราคาสินค้าโดยทั่วไปมากขึ้น (second-round effect) จากภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวและช่องว่างการผลิต (output gap) ที่แคบลง

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯและกลุ่มประเทศยูโร แม้จะเร่งขึ้นชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา แต่กำลังการผลิตส่วนเกินที่ยังมีอยู่ในระบบเศรษฐกิจ (slack) จึงไม่น่าสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะยาวมากนัก อย่างไรก็ดี แรงกดดันด้านราคาที่ปรับสูงขึ้น ทำให้หลายประเทศโดยเฉพาะในเอเชียดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น เพื่อดูแลเงินเฟ้อคาดการณ์ไม่ให้เร่งขึ้น

สำหรับแรงกดดันด้านราคาในประเทศเร่งขึ้นมากกว่าที่คาดจากการปรับเพิ่มราคาอาหารสำเร็จรูปเป็นสำคัญตามต้นทุนราคาอาหารสดที่ปรับเพิ่มขึ้นพร้อมกันหลายรายการ โดยการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารสดส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารในตลาดโลก ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทั้งจำนวนประชากรและรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยกรรมการบางท่านตั้งข้อสังเกตว่าความเชื่อมโยงดังกล่าวเกิดจากการส่งออกสินค้าจากในประเทศไปขายในตลาดโลก ทำให้อุปทานในประเทศลดลง และสร้างแรงกดดันให้กับราคาอาหารสดในประเทศ

ทั้งนี้ ในระยะต่อไปมีโอกาสที่ราคาอาหารสำเร็จรูปจะยังคงเพิ่มขึ้น (persist) เนื่องจากผู้ประกอบการบางส่วนยังไม่ได้ปรับราคา แม้ปัจจุบันราคาอาหารที่ปรับเพิ่มขึ้นยังไม่ส่งผลให้ราคาสินค้าอื่นโดยทั่วไปปรับขึ้นมากนัก แต่ภายใต้อุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่งจะทำให้การส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้าอื่นโดยทั่วไปมีมากขึ้นได้และทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีโอกาสที่จะสูงกว่าขอบบนของเป้าหมายนโยบายการเงินในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ เร็วกว่าที่คาดไว้เดิม

กนง.เห็นว่า แรงกดดันด้านราคาที่เร่งขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญต่อการประเมินความเสี่ยง กนง.ประเมินว่าภัยพิบัติในญี่ปุ่นน่าจะมีผลจำกัดต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง ในขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเป็นความเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มขึ้นสะท้อนจากแรงกดดันด้านราคาเร่งขึ้นมากกว่าที่คาด ตามการปรับราคาในหมวดอาหารสำเร็จรูปจากต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อยังปรับสูงขึ้น ภายใต้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ในระดับสูง

กรรมการบางท่านได้ตั้งข้อสังเกตถึงความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอาจล่าช้ากว่าที่คาด จากการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 1 ที่ต่ำกว่าคาด และปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยุโรปที่ยังไม่มีแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน รวมทั้งสถานการณ์การเมืองในประเทศภายหลังการเลือกตั้งที่อาจส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเร่งตัวของเงินเฟ้อในระยะต่อไป แต่เมื่อประเมินแล้วเห็นว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อขณะนี้ยังมีอยู่สูงกว่าความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

กนง.เห็นว่าอุปสงค์ในประเทศที่ขยายตัวดีต่อเนื่องจะเอื้อให้มีการส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นมายังราคาสินค้าโดยทั่วไป ทำให้มีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะเร่งขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตามประมาณการกรณีฐาน อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มที่จะสูงกว่ากรอบเป้าหมายติดต่อกันใน 2 ไตรมาสข้างหน้า แต่หลังจากนั้นจะโน้มลดลงกลับมาอยู่ภายในกรอบเป้าหมาย บนสมมติฐานว่ามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเข้าสู่ระดับปกติ (normalization) อย่างต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง และไม่มี shock ต่อราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มเติมอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ