กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมของอินเดียเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของอินเดียพุ่งแตะ 9.78% ในเดือนสิงหาคม จาก 9.22% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค.ของอินเดียสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด และอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางอินเดียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันศุกร์นี้
ดัชนีเงินเฟ้อหลักทั้ง 3 กลุ่มต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงสถานการณ์เงินเฟ้อโดยโดยรวมที่เลวร้ายลง
โดยเงินเฟ้อกลุ่มสินค้าปฐมภูมิ (primary articles) ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 12.58% จาก 11.3% ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากผัก มันฝรั่ง หัวหอม ผลไม้ และอาหารจำพวกเส้นใยมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาหัวหอมที่ทะยานขึ้น 45.29% ต่อปีในเดือนส.ค. เมื่อเทียบกับ 26.96% ในเดือนก.ค.
ขณะที่เงินเฟ้อกลุ่มพลังงานและน้ำมันเพิ่มขึ้น 12.48% ในเดือนส.ค. จาก 12.04% ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากการขึ้นราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันในช่วงก่อนหน้านี้
ส่วนเงินเฟ้อในกลุ่มผลิตภัณฑ์การผลิตขยายตัว 7.79% จาก 7.49% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำตาล ผลิตภัณฑ์อาหาร อุปกรณ์ขนส่ง และอื่นๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน เงินเฟ้อในกลุ่มสิ่งทอจากฝ้าย ผ้าทอมือ ผลิตภัณฑ์กระดาษ ข้าวสาลี นม และแร่ธาตุ ต่างก็อ่อนตัวลงจากเดือนก.ค.
พร้อมกันนี้ ทางกระทรวงฯ ยังได้ปรับทบทวนอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.เพิ่มเป็น 9.51% จาก 9.44% อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินเดียออกมาให้ความหวังว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย สำหรับปี 2554 ลงสู่ 7.9% จาก 8.2% และสำหรับปี 2555 ลงสู่ 8.3% จาก 8.8%
ธนาคารกลางอินเดียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปทั้งหมด 11 ครั้งนับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อความคุมเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง