สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้นักลงทุนเริ่มขาดความเชื่อมั่น จึงตัดสินใจเทขายทองคำเพื่อถือเงินสดเอาไว้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 66.4 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 1,741.7 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,723.20-1,789.00 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 3.891 ดอลลาร์ ปิดที่ 36.578 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 27.6 เซนต์ ปิดที่ 3.4885 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 77.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,710.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 48.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 664.05 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้นักลงทุนแห่เทขายทองคำออกมาอย่างหนัก โดยปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความกังวลดังกล่าวมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศทั่วโลก รวมถึงรายงานของเอชเอสบีซีที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย. หดตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 49.4 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 49.9 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
ดัชนีภาคการผลิตที่หดตัวลงอย่างหนักของจีนส่งผลให้สัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมร่วงลงด้วย เนื่องจากโลหะทั้ง 2 ประเภทเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตในภาคอุตสาหกรรม
ความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดทั่วโลกถูกแรงขายกระหน่ำลงอย่างหนัก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวบีบให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำเพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดหุ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังทุบขายสินทรัพย์เสี่ยงและแห่เข้าไปซื้อสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินเยน
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำยังได้รับผลกระทบจากแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับช่วงขาลง ขณะที่เทรดเดอร์บางกลุ่มได้แสดงความกังวลว่า มาตรการ Operation Twist อาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐได้