น.ส.อุรวี เงารุ่งเรือง รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในไทยเดือน ก.ย.จำนวน 23 ราย เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีเงินทุนที่ใช้ในการประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 704 ล้านบาท และมีการจ้างงานคนไทยจำนวน 276 คน
ทั้งนี้ ธุรกิจที่ได้รับการอนุญาตในเดือนก.ย.54 ประกอบด้วย ธุรกิจบริการ 15 ราย คิดเป็น 65% ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต มีเงินลงทุน 517 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริการให้กู้ยืมเงินและให้เช่าพื้นที่ให้แก่บริษัทในเครือและในกลุ่ม รองลงมา เป็นบริการที่เป็นคู่สัญญากับภาคเอกชนในการจัดหา ติดตั้ง ทดสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโครงการต่างๆ เช่น โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ โรงงานผลิตยางสังเคราะห์ เป็นต้น ประเทศที่เข้ามาลงทุน ได้แก่ ญี่ปุ่น, เนเธอร์แลนด์, สิงคโปร์, ฝรั่งเศส, เดนมาร์ก และจีน
โดยธุรกิจสำนักงานผู้แทนและสำนักงานภูมิภาค 5 ราย คิดเป็น 22% ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต มีเงินลงทุนจำนวน 15 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเกี่ยวกับสภาวะทางเศรษฐกิจ การลงทุน ตลอดจนความต้องการใช้สินค้าและบริการต่างๆ ในไทยให้สำนักงานใหญ่ทราบ ประเทศที่เข้ามาลงทุน ได้แก่ ฝรั่งเศส, สิงคโปร์, สหราชอาณาจักร, ฮ่องกง และสาธารณรัฐเกาหลี
คู่สัญญากับภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 2 ราย คิดเป็น 9% ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต มีเงินลงทุนจำนวน 168 ล้านบาท ได้แก่ บริการขุดเจาะปิโตรเลียมให้แก่ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และบริการซ่อมบำรุงเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจ 5 ลำ ให้แก่ บมจ.การบินไทย ภายใต้สัญญาจ้างทำการซ่อมบำรุงอากาศยานและฝึกอบรมช่าง ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และ บมจ.การบินไทย โดยประเทศที่เข้ามาลงทุน ได้แก่ สิงคโปร์ และหมู่เกาะเคย์แมน
ธุรกิจค้าปลีก 1 ราย คิดเป็น 4% ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต มีเงินลงทุน 4 ล้านบาท ได้แก่ การค้าปลีกเคมีภัณฑ์ไฮเปอร์คลีน ที่ใช้ทำความสะอาดเลนส์และจอภาพของสินค้าประเภทต่างๆ ภายใต้เครื่องหมายการค้าโอลิมปัสที่ผลิตโดยบริษัทในเครือให้แก่บริษัทที่ระบุชื่อจำนวน 5 บริษัท ประเทศที่เข้ามาลงทุน ได้แก่ ฮ่องกง