ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วงหนัก จากข่าวกรีซพลาดเป้าลดขาดดุลงบประมาณ

ข่าวต่างประเทศ Tuesday October 4, 2011 06:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 8 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ากรีซอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้และอาจจะไม่ได้รับเงินกู้เบิกจ่ายงวดต่อไป หลังจากกระทรวงการคลังกรีซออกแถลงการณ์ยอมรับว่า กรีซมีแนวโน้มที่จะพลาดเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณทั้งในปีนี้และปีหน้า ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของตลาดหุ้นและการวิกฤตหนี้ยุโรปได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อความปลอดภัย

ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.52% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3181 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3384 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.90% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5442 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5582 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.51% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.650 เยน จากระดับ 77.040 เยน แต่พุ่งขึ้น 1.38% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9204 ฟรังค์ จากระดับ 0.9079 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.38% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9525 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9658 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.00% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7527 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7603 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินยูโรดิ่งลงอย่างหนักหลังจากรัฐบาลกรีซยอมรับว่าอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณ 2554-2555 ตามที่ได้ตกลงไว้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) โดยคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณในปี 2554 จะอยู่ที่ 8.5% ของจีดีพี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 7.6% ของจีดีพี และแม้ว่ายอดขาดดุลงบประมาณปี 2555 มีแนวโน้มจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.8% ของจีดีพี แต่ก็ยังสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 6.5% ของจีดีพี และสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ว่ารัฐบาลจะมียอดเกินดุลงบประมาณ 1.5% ของจีดีพี

นักลงทุนกังวลว่ากรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้และอาจจะไม่ได้รับเงินกู้เบิกจ่ายงวดที่ 6 จากไอเอ็มเอฟและอียู เนื่องจากไอเอ็มเอฟ/อียูกำหนดว่ากรีซจะต้องลดยอดขาดดุลงบประมาณลงเหลือ 7.6% ของจีดีพีทั้งปีนี้และปีหน้า จึงจะสามารถรับเงินช่วยเหลือรอบที่สอง

สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารเด็กเซีย ซึ่งเป็นธนาคารสัญชาติฝรั่งเศส-เบลเยี่ยม โดยมีแนวโน้มปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ อันเนื่องมาจากความวิตกเกี่ยวกับฐานะสภาพคล่องของธนาคารเด็กเซีย

นักวิเคราะห์กังวลว่า การผิดนัดชำระหนี้ของกรีซอาจจะสร้างความเสียหายต่อระบบการเงินทั่วโลก และอาจทำให้เศรษฐกิจโลกกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่ โดยคาดว่าภาคธนาคารทั้งในฝรั่งเศสและเยอรมนีจะได้รับผลกระทบหนักสุด เนื่องจากธนาคารของทั้งสองประเทศถือครองพันธบัตรของรัฐบาลกรีซอยู่เป็นจำนวนมาก

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของตลาดหุ้นและการวิกฤตหนี้ยุโรปได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ ความกังวลในเรื่องดังกล่าวยังทำให้นักลงทุนเข้าถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเช่นกัน แม้สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม

นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.ซึ่งขยายตัวที่ระดับ 51.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ระดับ 50.6 จุด และยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนส.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.4% สู่ระดับ 7.9915 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนส.ค., ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในสหรัฐเดือนก.ย., ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ