
น.ส.ณิชชาภัทร กาญจนอุดมการ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์การพัฒนาความสามารถทางการแข่งขัน สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลศึกษาเรื่อง "การวิเคราะห์การเบี่ยงเบนทางการค้า: กรณีการไหลทะลักของสินค้าจีน หลังสหรัฐฯ กำหนดภาษีต่างตอบแทนจากไทย 19%" พบว่า จีนมีความเสี่ยงสูงสุดที่จะเบี่ยงเบนเส้นทางการค้าและส่งออกสินค้าเข้ามายังไทย เพราะมีส่วนต่างภาษีกับไทยมากที่สุดถึง 15%
ประกอบกับแรงกดดันจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินของจีน และการอุดหนุนจากภาครัฐที่ทำให้มีต้นทุนการผลิตต่ำ และขายสินค้าได้ในราคาต่ำ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อมโยงในห่วงโซ่การผลิต และความสะดวกทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาเซียน-จีน ที่ยิ่งเอื้อให้สินค้าจีนเข้าสู่ตลาดไทยได้ง่ายขึ้น
โดยดัชนีการไหลทะลักของสินค้าจีนเพิ่มจาก 100 ในปี 2561 มาแตะสูงสุดที่ 130 ในปี 2567
กลุ่มสินค้าที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ได้แก่ ยานพาหนะและชิ้นส่วน สินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้า สุรา กะหล่ำปลี และเครื่องเรือนพลาสติก ซึ่งอาจกระทบผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs
ทั้งนี้ สนค.ได้พัฒนาระบบเตือนภัย (Warning System) โดยใช้ 3 ตัวชี้วัดสำคัญ ได้แก่ ส่วนแบ่งนำเข้าจากจีน, อัตราการขยายตัวของมูลค่านำเข้า และช่องว่างราคานำเข้าจากจีนที่มากกว่าช่องว่างราคาจากโลก และจัดกลุ่มตามความเสี่ยงการไหลทะลักของสินค้าจีนเป็น 5 ระดับ ได้แก่ สูง, ค่อนข้างสูง, เฝ้าระ,วัง ค่อนข้างเฝ้าระวัง และต่ำ
จากการประเมินสินค้านำเข้าจากจีน 1,149 รายการ พบว่า
- สินค้า 24 รายการที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง เช่น ทองแดงและผลิตภัณฑ์ (สกรู ตะปู หมุด สุรา ใบเลื่อยโลหะ ถังเหล็ก ตัวถังยานยนต์ ปลามีชีวิต ฯลฯ
- สินค้า 17 รายการอยู่ในกลุ่มค่อนข้างสูง เช่น วงจรพิมพ์ รถยก เครื่องจักรงานไม้ ผ้าถัก อัญมณีสังเคราะห์ เครื่องจักรก่อสร้าง ฯลฯ
- สินค้า 166 รายการอยู่ในกลุ่มเฝ้าระวัง เช่น ปั๊มลมสุญญากาศ แบตเตอรรี่ไฟฟ้าสำรอง เครื่องปรับอากาศ ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าทุนและสินค้าอุตสาหกรรม แม้เป็นประโยชน์ต่อภาคการผลิตในเชิงต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แต่การพึ่งพิงการนำเข้าจากจีนในสัดส่วนที่สูงเกินไป ก่อให้เกิดความเสี่ยงและความเปราะบางต่อความผันผวนของราคา นโยบาย และข้อจำกัดด้านห่วงโซ่อุปทาน
- สินค้า 904 รายการ หรือสัดส่วน 78.7% อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงต่ำ เช่น เครื่องโทรศัพท์ สมาร์ตโฟน ของที่ทำด้วยเหล็ก ผลไม้สด หม้อแปลงไฟฟ้า ส่วนประกอบยานยนต์
- สินค้า 38 รายการอยู่ในกลุ่มค่อนข้างเฝ้าระวัง เช่น เครื่องจักรสำหรับยก อุปกรณ์ส่งสัญญาณ เงินไม่ได้ขึ้นรูป ผ้าทอเส้นใยสังเคราะห์ น้ำมันปิโตรเลียม ฯลฯ
"สินค้าอุปโภคบริโภคที่แข่งขันโดยตรงกับผู้ผลิตไทยหลายรายการ เช่น สุรา กะหล่ำปลี เสื้อผ้า เครื่องเรือนพลาสติก ก็ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่ไม่สามารถแข่งขันได้จนนำมาสู่การลดกำลังการผลิต การจ้างงาน อีกทั้งยังส่งผลให้ขาดดุลการค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง" น.ส.ณิชชาภัทร กล่าวโดย สนค.ได้จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อรับมือกับการไหลทะลักของสินค้าจีน โดยแบ่งเป็นมาตรการระยะสั้น ที่เน้นการเฝ้าระวังเชิงรุก และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น เช่น มีระบบเตือนภัย ยกระดับความเข้มข้นการบังคับใช้กฎหมายของทุกหน่วยงานที่เข้มข้นเพื่อควบคุมดูแลการนำเข้า และมาตรการระยะกลางถึงยาว ที่มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น ส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศ ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่ม ทบทวนการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ
ทั้งนี้ สนค.จะนำผลการศึกษาและข้อเสนอแนะทั้งหมดหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการค้าต่างประเทศ กรมศุลกากร และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อนำมาสู่การจัดทำยุทธศาสตร์เชิงรุกรับมือกับการไหลทะลักของสินค้าอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป