นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นจากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรัสเซียนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยโดยตรง ซึ่งคาดว่าจะเป็นการปรับตัวสูงขึ้นเพียงชั่วคราว เพราะกำลังการผลิตโลกยังไม่ได้ลดลง ขณะที่ราคาน้ำมันในประเทศยังใช้มาตรการตรึงราคาดีเซลไว้ที่ 32 บาท/ลิตร ซึ่งภาพรวมของกองทุนน้ำมันฯ ยังมีสถานะเป็นบวก
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) วันนี้มีมติให้ปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 70 สตางค์/ลิตร และน้ำมันเบนซินลง 50 สตางค์/ลิตร เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ "ไม่ปรับเพิ่มขึ้น" แม้ตลาดโลกจะขยับขึ้นต่อเนื่อง
การปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ จะทำให้รายรับของกองทุนน้ำมันฯ เหลือวันละ 86.67 ล้านบาท จากเดิมมีรายรับวันละ 145.22 ล้านบาท (รวมน้ำมันเตาวันละ 0.36 ล้านบาท) ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2568 ติดลบอยู่ที่ 14,754 ล้านบาท แต่ยังมีบัญชีน้ำมันเป็นบวก อยู่ที่ 26,910 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 41,664 ล้านบาท
"การปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ คือการดำเนินการภายใต้นโยบาย "Quick Big Win -ทำจริง เห็นผลจริง" ของนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน ที่มุ่งสร้างผลลัพธ์เชิงรูปธรรม ดูแลค่าครองชีพของประชาชน และเศรษฐกิจฐานรากให้เห็นผลเร็วที่สุด ทั้งนี้ ตลอดเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันฯ ได้เข้ามาดูแลราคาน้ำมันให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันให้แก่ประชาชน ดีเซลรวม 1 บาท/ลิตร และเบนซิน รวม 80 สตางค์/ลิตร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารงานที่รวดเร็ว และมุ่งผลลัพธ์เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง" นายพรชัย กล่าว