ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.43 อ่อนค่าเล็กน้อย แกว่งแคบ-ไร้ปัจจัยใหม่ ให้กรอบพรุ่งนี้ 32.35-32.50

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 3, 2025 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.43 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็ก น้อยจากช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 32.47 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทอ่อนค่าตามสกุลเงินในภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐยังมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง หลังจากตลาดไม่มีความแน่ใจ ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนธ.ค.หรือไม่ ขณะที่วันนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม โดย ระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ที่ 32.37 - 32.48 บาท/ดอลลาร์

"ระหว่างวันยังไม่มีปัจจัยใหม่ เงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่ในทิศทางที่อ่อนค่าสอดคล้องภูมิภาค เพราะดอลลาร์ยัง แข็งค่าต่อ เนื่องจากตลาดไม่มั่นใจว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ได้หรือไม่" นักบริหารเงิน ระบุ

สำหรับคืนนี้ ตลาดรอดูการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต เดือนต.ค. จากสถาบันจัดการ ด้านอุปทาน (ISM)

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 154.12 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้า ที่ระดับ 154.09 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1510 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้า ที่ระดับ 1.1520 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,308.86 จุด ลดลง 0.64 จุด (-0.05%) มูลค่าการซื้อขาย 29,741.46 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 649.61 ลบ.(SET+MAI)
  • ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบในหลักการแก้ปัญหาหนี้เสียของรายย่อย ผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ซึ่งต้องเป็นลูกหนี้ราย
ย่อยที่เป็น NPL แบบไม่มีหลักประกัน ณ วันที่ 30 ก.ย.68 กับทุกสถาบันการเงินรวมกันไม่เกิน 1 แสนบาท/ราย โดยในเฟสแรกนี้ จะเป็น
การช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์, ลูกหนี้ของบริษัทในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) ซึ่ง
คาดว่าจะมีบัญชีลูกหนี้ที่เข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือราว 2.36 ล้านบัญชี คิดเป็นภาระหนี้ประมาณ 62,400 ล้านบาท ส่วนเฟสต่อไป จะ
ขยายขอบเขตการช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ของกลุ่ม Non-banks
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-
32.70 บาท/ดอลลาร์ สำหรับในสัปดาห์นี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลดัชนี ISM ภาคการผลิตและบริการ รวมถึงการจ้างงานภาคเอก
ชนเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ ขณะที่ภาวะ Government Shutdown เข้าสู่เดือนที่ 2
  • รมว.คลังสหรัฐฯ ระบุว่า บางภาคส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ อาจเข้าสู่ภาวะถด
ถอยแล้วเนื่องจากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูง พร้อมเน้นย้ำถึงข้อเรียกร้องที่ต้องการให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เร่งปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ย
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน เดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 50.0 โดยพบว่า กิจกรรมภาค
การผลิตของกลุ่มยูโรโซนในเดือนต.ค. อยู่ในภาวะชะงักงัน เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ทรงตัว และการจ้างงานลดลง สวนทางกับผลผลิตที่
ยังคงขยายตัวเล็กน้อยต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน ลดลงสู่ระดับ 50.6 ในเดือนต.ค. ทั้งนี้ พบว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนใน
เดือนต.ค. ลดลงสู่ระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อันเนื่องมาจากผลกระทบของความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนกับ
สหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนดังกล่าว
  • นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตแม่เหล็กกำลังสูง มูลค่า 600 ล้านริงกิต (142 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ) ในรัฐปะหัง จะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันศักยภาพอุตสาหกรรมแร่หายากของประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและ
ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต และภาคบริการเดือนต.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM), ตัวเลขจ้างงาน
ภาคเอกชนเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย. และการคาดการณ์เงินเฟ้อเดือน ต.ค.
  • นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของเอเชียในวันนี้ ซึ่งรวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค.ของ

ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ซึ่งจะรายงานโดย S&P Global รวมทั้งดุลการค้า และอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.ของอินโดนีเซีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ