คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 68 มีแนวโน้มขยายตัว 2.0% ส่งออก โตได้ประมาณ 10% ขณะที่เงินเฟ้อ 0.0% สำหรับกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 69 คาด GDP อยู่ที่ 1.6-2.0% ส่งออกอยู่ที่ -1.5 ถึง - 0.5% และเงินเฟ้อคาดอยู่ที่ 0.2-0.7%
ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ ส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของครัวเรือนและธุรกิจอย่างมาก บางพื้นที่เป็นสาธารณภัยร้าย แรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4) เทียบเคียงกับเหตุการณ์สึนามิในปี 47 สร้างความเสียหายนับแสนล้านบาทที่จำเป็นต้องซ่อมแซมฟื้นฟู และยังส่งผล กระทบต่อรายได้ โดยในช่วงเดือน ธ.ค. 68 สูญเสียรายได้ราว 2-3 หมื่นล้านบาท หรือ 0.1-0.2% ของ GDP ส่งผลให้เศรษฐกิจไทย ทั้งปีขยายตัวได้เพียง 2.0% สำหรับในปี 69 ประเมินผลกระทบต่อราย
นอกจากนี้ กกร. สนับสนุนการบริหารจัดการภัยพิบัติให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อวางแนวทางป้องกันและรับมือภัยพิบัติอย่างเป็น ระบบ และมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทั้งมาตรการระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี 69 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 1.6-2.0% โดยมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ยังไม่แน่นอน การ แข่งขันจากสินค้านำเข้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งกระทบภาคการผลิต การจ้างงาน และกำลังซื้อในประเทศ ดังนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการแก้ปัญหาระยะสั้น โดยเฉพาะการฟื้นฟูจากอุทกภัย ควบคู่กับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจผ่าน Reinvent Thailand เพื่อยกระดับศักยภาพของธุรกิจ สร้างความแข็งแกร่งตลอด Supply Chain ด้วยหลักคิด "พี่ช่วยน้อง" รวมถึงส่ง เสริมการใช้ Local content และสินค้า Made in Thailand ผ่านกลไกต่างๆ อาทิ มาตรการภาษี การสนับสนุนเงินทุน และการให้ แต้มต่อผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการสนับสนุนของรัฐบาลที่ล่าสุด ครม.มีมติเห็นชอบออกมาตรการ "Quick Big Win" เพื่อ SMEs ไทย
ตารางกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2568-2569 ของ กกร. %YoY ปี 68 (ส.ค.-ต.ค. 68) ปี 68 (พ.ย. 68) ปี 68 (ธ.ค. 68) ปี 69 (ธ.ค. 68) GDP 1.8 ถึง 2.2 1.8 ถึง 2.2 2.0 1.6 ถึง 2.0 ส่งออก 2.0 ถึง 3.0 9.5 ถึง 10.5 10.0 -1.5 ถึง -0.5 เงินเฟ้อ 0.5 ถึง 1.0 -0.1 ถึง 0.1 0.0 0.2 ถึง 0.7ทั้งนี้ กกร. และเครือข่าย Zero Corruption ประเมินว่าการแก้ปัญหาทุจริตของไทยจำเป็นต้อง "ยกระดับกลไกเชิง ระบบ" มากกว่าเพียงมาตรการรณรงค์ จึงเสนอกรอบขับเคลื่อน 6 ด้านที่เน้นการปฏิรูปทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ และโครงสร้างข้อมูลของ ประเทศ ได้แก่ 1) การปลูกฝังจิตสำนึก 2) นโยบายต่อต้านการทุจริต 3) ระบบบริหารความเสี่ยง 4)เทคโนโลยี 5) การเปิดเผยข้อมูล ภาครัฐ และ 6) แนวทางการร้องเรียนและคุ้มครองผู้เปิดเผยข้อมูล
ขณะเดียวกัน พร้อมเปิดแผนปฏิบัติการ (Action Plan) รายไตรมาสที่มุ่งผลลัพธ์จับต้องได้ ได้แก่ การประกาศ เจตนารมณ์ "เอกชนฮั้วไม่จ่ายใต้โต๊ะ" และเร่งให้ธุรกิจเข้าร่วม CAC เพื่อสร้างมาตรฐานต่อต้านสินบนในระดับอุตสาหกรรม การใช้ฐาน ข้อมูล ACT Ai ตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ การสำรวจค่าสินบนใบอนุญาตในหน่วยงานรัฐและเปิดเผย "10 สินบนที่ไม่ยอมทน" เพื่อผลักดัน ใบอนุญาตโปร่งใส การจัดเวทีความรู้สกัดทุนเทา-บัญชีม้า การรณรงค์ "เรียกรับ-เราร้อง" ผ่าน Corruption Watch เพื่อให้ประชาชน แจ้งเหตุได้อย่างปลอดภัย รวมถึงการผลักดันกฎหมายเร่งด่วนด้านการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐตามมาตรฐาน OECD และ OGP ซึ่งทั้งหมดนี้ ถูกวางเป็นข้อเสนอสำคัญต่อรัฐบาล โดยมุ่งเปลี่ยนระบบกำกับดูแลประเทศให้ตรวจสอบได้มากขึ้น ลดต้นทุนคอร์รัปชันของภาคธุรกิจ และ สร้างความโปร่งใสอย่างยั่งยืนในระยะยาว