นิด้าหนุน ธปท.ลดดอกเบี้ย 0.25% แนะภาคเอกชนเป็นกลไกหลักในการฟื้นศก.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 25, 2012 14:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนควรเข้ามามีบทบาทมากขึ้นด้วยการเป็นกลไกหลักในการนำร่องฟื้นฟูเศรษฐกิจจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น เพราะธุรกิจภาคเอกชน และอุตสาหกรรมต่างๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งฟื้นตัว เพื่อให้กระบวนการผลิตเกิดการขับเคลื่อน ซึ่งกระบวนการของการพึ่งพาภาคเอกชนเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเกิดการขับเคลื่อนได้นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องของต้นทุน โดยการปรับลดระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ให้ระดับอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.00% เพื่อให้ภาระด้านต้นทุนลดต่ำลง และกระตุ้นให้ระบบเศรษฐกิจเกิดการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น

เนื่องจากเหตุการณ์หนี้สาธารณะของยูโรโซน ในช่วงไตรมาสแรกของปี ยังคงมีความผันผวนและไม่มีความชัดเจน ซึ่งจะยังคงเป็นเช่นนี้ไปถึงไตรมาสที่สองของปี ส่งผลให้ภาคการค้า การท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบ การฟื้นฟูเศรษฐกิจจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นจึงจำเป็นต้องใช้กลไกการขับเคลื่อนด้วยเม็ดเงิน สำหรับการบูรณะค่อนข้างมาก ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกระทบไปทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคครัวเรือน ในเรื่องของการบูรณะที่อยู่อาศัย ภาคธุรกิจ SMEs ภาคการเกษตร และโดยเฉพาะในภาคอุตสา หกรรม ที่กระบวนการผลิตต่างๆ ค่อนข้างได้รับความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาล และเกิดผลกระทบอย่างมากต่อสายการผลิตไอทีของโลก

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การดำเนินนโยบายการคลัง ด้วยการอัดฉีดเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจ เพียงมาตรการเดียวนั้น คงจะช่วยให้เศรษฐกิจเกิดการฟื้นตัวได้ช้า และเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับรัฐบาล เพราะงบประมาณประจำปี 2555 นี้ รัฐบาลได้กำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท โดยมีงบประมาณสำหรับแผนงานเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นแผนงานโดยตรงเพื่อการฟื้นฟูภัยพิบัติในครั้งนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกพื้นที่ความเสียหาย ตลอดจนงบประมาณปีนี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้เม็ดเงินเพื่อการฟื้นฟูดังกล่าวยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ ทำให้กลไกการขับเคลื่อน ฟื้นฟูประเทศ และเศรษฐกิจของภาครัฐ ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มรูปแบบ

"แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 55 จะมีแรงหนุนจากกรอบนโยบายที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ และมาตรการต่างๆ เพื่อการฟื้นฟูประเทศจากอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 54 จะส่งผลกระทบต่อระดับราคาสินค้าภายในประเทศ หรือระดับอัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม แต่ระดับอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้ ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่เหมาะสม ซึ่งหากระดับราคาสินค้าหรือระดับอัตราเงินเฟ้อ เกิดความผันผวนขึ้น กนง. ก็สามารถดำเนินการประชุมนอกเหนือจากภาระการประชุมตามปกติที่กำหนดไว้ เพื่อดำเนินนโยบายการเงินในการกำกับระดับราคาสินค้าที่ผันผวนนั้นได้ตลอดเวลา" นายมนตรีกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ