นายโวล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมนีเผยกรีซไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการปรับลดหนี้ พร้อมระบุว่าแผนการปฏิรูปของกรีซไม่สามารถช่วยให้ตัวเลขหนี้สินของประเทศลดลงมาอย่างยั่งยืนได้
นายชอยเบิลกล่าวว่า แผนปฏิรูปของกรีซจะทำให้มีหนี้สินเหลืออยู่สูงถึง 136% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2563 ซึ่งภาวะดังกล่าวทวีแรงกดดันต่อนักการเมืองกรีซในการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัด และยิ่งตอกย้ำความไม่พอใจของเจ้าหน้าที่ยุโรปในการประชุมเพื่อช่วยเหลือกรีซรอบสอง
ทั้งนี้ สมาชิกสภานิติบัญญัติของกรีซจะเริ่มลงมติรับรองมาตรการรัดเข็มขัดในสุดสัปดาห์นี้ หลังจากที่นายลูคัส ปาปาเดมอส นายกรัฐมนตรีกรีซ และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนรัดเข็มขัดดังกล่าวเมื่อคืนนี้ เพื่อปูทางให้กรีซได้รับเงินกู้รอบสองและหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้
ขณะที่ รัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้จัดการประชุมเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือกรีซเมื่อคืนนี้ โดยที่ประชุมเรียกร้องให้กรีซทำข้อตกลงเพิ่มเติมเพื่อแลกกับการได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจำนวน 1.3 แสนล้านยูโร (1.72 แสนล้านดอลลาร์)
นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์กและประธานยูโรกรุ๊ปเปิดเผยว่า กรีซต้องนำแผนการปรับลดงบประมาณฉบับล่าสุดมูลค่า 325 ล้านยูโรมาบังคับใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งหากกรีซไม่ทำตามข้อเสนอก็จะส่งผลให้ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ และจะบีบให้กรีซผิดนัดชำระหนี้จำนวน 1.44 หมื่นล้านยูโรในการไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ 20 มี.ค.
ด้านไอเอ็มเอฟระบุว่า กรีซจำเป็นต้องลดหนี้ลงมา 120% ของจีดีพีภายในปี 2563 แต่ดูเหมือนว่าเป้าหมายดังกล่าวจะเป็นไปได้ยาก