การลดสัดส่วนการกันสำรอง (RRR) ครั้งล่าสุดของจีน นับเป็นการปูทางไปสู่การบริหารจัดการสภาพคล่อง และการดำเนินการในภาคเศรษฐกิจมหภาคในช่วงครึ่งปีแรก โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่า นโยบายการเงินของจีนนั้นจะให้ความสำคัญกับเรื่องการปรับปรุงภาวะเศรษฐกิจก่อนที่จะดำเนินการใดๆ
ธนาคารกลางจีนประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า จะลดสัดส่วนการกันสำรองลง เพื่อที่จะบรรเทาภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อในระยะสั้น รวมทั้งกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ตลาดต่างประเทศอยู่ในภาวะซบเซา
ธนาคารกลางจีนระบุในแถลงการณ์ว่า การลดสัดส่วนการกันสำรองเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนนี้ จะทำให้เพดานกันสำรองลดลงไป 0.50% เหลือ 20.5% สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และธนาคารขนาดกลางและขนาดย่อมจะลดเหลือ 17%
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้วันที่ 24 ก.พ. และคาดว่า จะมีเงินทุนเข้าสู่ตลาด 4 แสนล้านหยวน หรือ 6.35 หมื่นล้านดอลลาร์
สภาพคล่องที่ตึงตัวในตลาดนั้นทำให้มีการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองโดยตรง หลังจากที่ตลาดขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว แม้ว่าธนาคารกลางจะทำ reverse repo อีกครั้งก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น การขยายตัวของโพสิชันซื้อสกุลเงินต่างประเทศก็อาจจะไม่มากนัก แม้ว่าโพสิชันสำหรับการซื้อสกุลเงินต่างประเทศได้กลับมาขยายตัวน่าพอใจอีกครั้งในเดือนม.ค. แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยเงินฝากด้านการคลังที่เพิ่มขึ้นได้
ท้ายที่สุด เงินทุนที่เข้ามาในระบบ open market operation ก็มีไม่เพียงพอ การออกสินเชื่อของธนาคารต่างๆก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างจะต่ำในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนก.พ.
การลดสัดส่วนการกันสำรองจะช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านสภาพคล่องของธนาคาร อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมความสามารถในการปล่อยสินเชื่อ และเสริมความแข็งแกร่งของศักยภาพในภาคการเงินที่จะสนับสนุนระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง
การระดมทุนทางสังคมของจีนในเดือนม.ค.อยู่ที่ 8.00 แสนล้านหยวน ต่ำกว่าปีที่แล้ว โดยการระดมทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมได้หดตัวลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดความต้องการเงินทุนในระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง
นอกจากนี้ ปริมาณเงินในระบบ M1 ของจีนยังเพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนม.ค. ต่ำกว่าเป้าหมายต่อปีที่ 14%
ก่อนหน้านี้ ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนจะลดสัดส่วนการกันสำรองลงในช่วงสิ้นปี 2554 แต่ธนาคารกลางก็เลือกใช้การทำ reverse repo เป็นเครื่องมือสำคัญ อันเนื่องมาจากการเปิดเผยข้อมูลเงินฝากภาคการคลังช่วงสิ้นปี และแนวโน้มการขยายตัวที่ไม่ชัดเจนของดัชนีราคาผู้บริโภค
การลดสัดส่วนการกันสำรองนี้หมายความว่า การดำเนินการทางเศรษฐกิจของจีนจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง และธนาคารกลางก็เตรียมพร้อมที่จะดำเนินการทางเศรษฐกิจในอนาคต
-- การสร้างเสถียรภาพด้านการส่งออกนั้น จะต้องใช้สินเชื่อมากกว่านี้
การส่งออกถือเป็นเรื่องที่ผันผวนมากที่สุดที่เศรษฐกิจจีนเผชิญอยู่ ส่วนสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศในอนาคตนั้น ก็ยังไม่สดใสเสียทีเดียว
การนำเข้าและการส่งออกของจีนนั้น ต่างก็ลดลงในเดือนม.ค. ความต้องการในต่างประเทศอาจจะหดตัวลงอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากวิกฤตหนี้ยุโรป และการขยายตัวที่ชะลอลงของเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนา
สำหรับภายในประเทศนั้น บริษัทที่ทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ต่างได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนเงินทุน เนื่องมาจากอุปทานสินเชื่อที่ตึงตัวมาก่อนหน้านี้
-- สภาพคล่องจากการลงทุนในเงินตราต่างประเทศกำลังหดตัวลง
ยอดเกินดุลการค้าของจีนเริ่มลดลงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และอนาคตก็ยังไม่มีแนวโน้มว่า จะกลับเข้าสู่ภาวะก่อนหน้านี้ที่การค้ามีมูลค่าโดยเฉลี่ยต่อเดือนที่ 3 แสนล้านหยวนได้
นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเองก็จะช่วยหนุนเงินดอลลาร์ และอาจจะทำให้กระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามายังจีนนั้นชะลอตัวลง
-- แผนการระดมทุนของรัฐบาลท้องถิ่นและการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ต่ำยังคงทำให้ความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับเงินทุนเพื่อการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งหมายความว่า การลงทุนจะยังคงอยู่ในระดับสูงในปีนี้ รวมทั้งต้องการการสนับสนุนทางด้านสินเชื่อ
-- ในขณะที่ปัจจัยกระตุ้นอ่อนตัวลง ราคาผักและเนื้อสัตว์ที่ร่วงลง การขยายตัวของ CPI จีนอาจจะร่วงลงมาต่ำกว่าระดับ 4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายปี และการขยายตัวก็คาดว่า จะร่วงลงมาน้อยกว่า 3.5%
ดังนั้น นโยบายการเงินของจีนจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการปรับปรุงภาวะเศรษฐกิจก่อน โดยที่แนวคิดพื้นฐานฐานเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่รอบคอบนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง สำนักข่าวซินหัวรายงาน