สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทรุดฮวบลงกว่า 20 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความวิตกกังวลที่ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำ ซบเซาลงด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ดิ่งลง 20.3 ดอลลาร์ หรือ 1.22% ปิดที่ 1,647 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.ปีนี้ โดยในระหว่างวันสัญญาทองคำเคลื่อนตัวในช่วง 1649.8 - 1646.8 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 1.121 ดอลลาร์ ปิดที่ 31.834 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 7.85 เซนต์ ปิดที่ 3.8305 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 30.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,654.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ดิ่งลง 10.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 697.05 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงแรกนั้น สัญญาทองคำร่วงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลง 1.1% ในเดือนก.พ. มาอยู่ที่ 698,000 ยูนิต ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 700,000 ยูนิตในเดือนก.พ.
ตลาดร่วงลงรุนแรงมากขึ้นเมื่อบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ระดับโลก เปิดเผยว่า ความต้องการเหล็กและสินแร่เหล็กที่ปรับตัวลงในประเทศจีน ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลง และอาจจะฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า ร้านค้าอัญมณีในประเทศอินเดียหลายแห่งได้ปิดการซื้อขายในวันเสาร์เพื่อประท้วงรัฐบาลอินเดียที่เสนอให้มีการขึ้นภาษีนำเข้าทองคำ ขณะที่สมาคมค้าทองคำแท่งแห่งบอมเบย์คาดว่า ความต้องการทองคำของอินเดียอาจจะลดลงประมาณ 35-50% ในปี 2555 หากข้อเสนอการขึ้นภาษีนำเข้าทองคำมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย