นายหลี่ ฮุยยง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทเสิ่นหยิน วันกั๋ว ซิเคียวริตีส์ เปิดเผยว่า จีนมีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญกับอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวลงทั้งในด้านตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และสถานะการซื้อเงินตราต่างประเทศในเดือนพ.ค. เนื่องจากวิกฤตหนี้ยุโรปและเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า
นายหลี่กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั่วโลกส่งผลให้บริษัทต่างๆลดการลงทุนในต่างประเทศ ขณะที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของตลาดภายในประเทศและกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นนั้น ทำให้เงินทุนเกิดการไหลออกจากประเทศจีนในระยะสั้น นอกจากนี้ เขาคาดการณ์ว่า ตัวเลข FDI จะยังปรับลดลงต่อเนื่องในเดือนพ.ค.
ด้านนายจาง เล่ย นักวิเคราะห์จากบริษัทหมินเซิง ซิเคียวริตีส์ คาดว่า ตัวเลข FDI ของจีนในเดือนพ.ค.จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 9.2 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาทั้งภายในประเทศและทั่วโลก
นายเนี่ย ผิงเซียง นักวิจัยจากสถาบันศึกษาวิจัยด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของจีนคาดว่า ตัวเลข FDI มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงในปีนี้ และจากมุมมองที่ว่าตัวเลข FDI มีแนวโน้มปรับตัวลงและมีการไหลออกของเงินทุนในระยะสั้นนั้น สถานะซื้อเงินตราต่างประเทศของจีนก็อาจจะชะลอตัวลงในเดือนพ.ค.ด้วย
นายหลิว ยูฮุย ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินจากสถาบันสังคมศาสตร์จีน กล่าวว่า วิกฤตหนี้ยุโรปส่งผลให้อุปสงค์เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐสูงขึ้น และในทางกลับกัน เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ก่อให้เกิดภาวะการไหลออกของเงินทุนและการหดตัวลงของ FDI ในจีน สำนักข่าวซินหัวรายงาน