สมาคมการจำนองแห่งชาติของรัฐบาลกลางสหรัฐ (แฟนนี เม) ชี้ตลาที่อยู่อาศัยในสหรัฐยังคงมีแนวโน้มที่สดใส ถึงแม้คาดว่าอาจจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2555
รายงานของแฟนนี เม ระบุว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคได้อ่อนแรงลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงสู่ระดับ 87 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ รายงานการจ้างงานเดือนมิถุนายนยังบ่งชี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานได้ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรายเดือนในไตรมาสแรก และความวิตกกังวลที่ยืดเยื้อเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินในยุโรปอาจฉุดรั้งไม่ให้ตัวเลขการจ้างงานในภาคเอกชนปรับตัวขึ้นมากนักก่อนสิ้นปีนี้
ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ของแฟนนี เม ได้ทบทวนปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐสำหรับปีนี้ลงจาก 2.2% สู่ระดับ 2%
ดัก ดันแคน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแฟนนี เม กล่าวว่า "แม้ว่ามีสัญญาณการปรับตัวย่ำแย่ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ตลาดที่อยู่อาศัยจะยังคงมีความสดใส ซึ่งนับเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจ"
รายงานคาดว่า หากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ยอดขายบ้านซึ่งรวมไปถึงบ้านใหม่และบ้านมือสอง อาจเพิ่มขึ้น 8.8% แตะที่ 4.97 ล้านยูนิต ในขณะที่ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้น 18.6% แตะ 510,000 ยูนิต ถึงแม้ว่าจะยังต่ำกว่าระดับเป็นการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งก็ตาม
นอกจากนี้ คาดว่าการลงทุนในที่อยู่อาศัยคาดว่าอาจปรับตัวขึ้นในปีนี้แต่จากฐานที่อยู่ในระดับต่ำมาก และคาดว่าจะช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2548
ผลการสำรวจตลาดบ้านล่าสุดของแฟนนี เม พบว่า เจ้าของบ้านมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการคาดการณ์ราคาบ้านในช่วง 1 ปีข้างหน้า และสัดส่วนของผู้บริโภคที่ระบุว่าจะซื้อบ้านหากย้ายที่อยู่นั้น เพิ่มขึ้น 6 % แตะระดับสูงสุดในการสำรวจซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่สอง สำนักข่าวซินหัวรายงาน