"การอัดฉีดเงินในลักษณะเช่นนั้นถือเป็นการดำเนินการแบบไม่มีข้อจำกัด" นายโจจิมะกล่าวหลังจากที่นายชินโสะ อาเบะ ประธานพรรคแอลดีพีกล่าวว่า บีโอเจควรจะซื้อสินทรัพย์ของรัฐบาลเพิ่มเติม เพื่อจะนำเงินไปใช้โครงการสาธารณะ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น
"การทำอย่างนั้นจะส่งผลให้วินัยด้านการคลังอ่อนแอลง อีกทั้งจะหนุนอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น และส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมากเกินไป" นายโจจิมะกล่าว
ทั้งนี้ กฎหมายของญี่ปุ่นอนุญาตให้บีโอเจสามารถซื้อพันธบัตรของรัฐบาลได้ก็เฉพาะจากตลาดรองเท่านั้น แต่ไม่สามารถซื้อโดยตรงจากรัฐบาลได้
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า หากพรรคแอลดีพีได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ทางพรรคก็อาจจะผลักดันให้บีโอเจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
ส่วนในการประชุมวันนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของบีโอเจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.10% ในการประชุมวันนี้ พร้อมกับคงขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์เอาไว้ที่ระดับปัจจุบัน 91 ล้านล้านเยน หลังจากที่ได้ขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์อีก 11 ล้านเยนในการประชุมเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา
การคงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ บีโอเจมีเป้าหมายที่จะประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินติดต่อกันในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
นอกจากนี้ บีโอเจยังได้คงระดับการประเมินภาวะเศรษฐกิจเอาไว้เท่ากับการประชุมในครั้งก่อน โดยระบุว่า "เศรษฐกิจอ่อนแอลงในระดับหนึ่ง" ท่ามกลางการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในต่างประเทศ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน