"กิตติรัตน์"ออกมาตรการเร่งหน่วยงานเบิกจ่ายงบปี 56 หนุนเม็ดเงินเข้าระบบ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 23, 2012 16:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อชี้แจงมาตรการเร่งรัดติดการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ปี 2556 ว่า รัฐบาลมีแนวทางการบริหารจัดการรายจ่ายภาครัฐโดยให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณ เพื่อให้แผนงาน/โครงการภายใต้งบประมาณบรรลุวัตถุประสงค์ตามกรอบระยะเวลา

ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ.2556 ได้ประกาศตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ คือตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 ทำให้ส่วนราชการสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่ต้นปี คณะกรรมการฯ จึงได้ประชุมหารือเพื่อกำหนดมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่าย และเป้าหมายการเบิกจ่ายไว้สูงกว่าเดิม คือ รายจ่ายภาพรวมร้อยละ 94 และรายจ่ายลงทุนร้อยละ 80 ทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสูงถึง 2.256 ล้านล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบมาตรการแล้วเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2555

นอกจากนี้ ยังกำหนดแนวทางการดำเนินงานอื่นๆ เพื่อสนับสนุนให้การเบิกจ่ายเงินงบประมาณเป็นไปตามเป้าหมายด้วย โดยได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางประชุมชี้แจงหัวหน้าหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ทราบนโยบายและแนวปฏิบัติต่างๆ ตามมาตรการดังกล่าว พร้อมทั้งรับฟังปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อที่กรมบัญชีกลางจะได้หาแนวทางช่วยเหลือ แนะนำ และแก้ไขปัญหาให้ต่อไป

นายกิตติรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามมาตรการฯ ได้กำหนดเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติอื่นๆ ได้แก่

1. ให้ส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจเร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2556 หากดำเนินการไม่ทันตามกำหนด ให้ชี้แจงปัญหาอุปสรรคพร้อมเหตุผลความจำเป็น โดยกรมบัญชีกลางจะมีทีมงานในรูปแบบคณะทำงานติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบติดตามหน่วยงานที่มีการเบิกจ่ายเงินล่าช้าและให้คำแนะนำ เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ และให้นำผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเป็นตัวชี้วัดคำรับรองการปฏิบัติราชการในปี 2556 ด้วย

2. ไม่มีนโยบายให้กันเงินงบประมาณปี 2556 ไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพัน สำหรับเงินงบประมาณปีก่อน ๆ ที่อนุมัติให้กันเงินและขยายเวลาเบิกจ่ายเงินไว้แล้ว ให้เร่งดำเนินงานและเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2556

3. เมื่อส่วนราชการและจังหวัดทำแผนการใช้จ่ายเงินและแผนปฏิบัติงานแล้ว ต้องติดตามประเมินผลเพื่อตรวจสอบผลการปฏิบัติงานด้วย หากไม่เป็นไปตามแผนก็ให้ปรับปรุงแผนการใช้จ่ายเงินให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในระบบ GFMIS ซึ่งสามารถปรับปรุงแผนได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2555-30 มิถุนายน 2556

4. ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ โอนจัดสรรเงินงบประมาณที่ต้องดำเนินการในเขตพื้นที่จังหวัด ยกเว้นงบบุคลากร โดยไม่ชักช้า แต่อย่างช้าไม่เกิน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ

5. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐที่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณ ต้องบันทึกข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างในระบบ e-GP ระยะที่ 2 เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบ e-GP ไปยังระบบ GFMIS Web Online

6. การโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายตามระเบียบบริหารงบประมาณสามารถโอนเปลี่ยนแปลงตามอำนาจได้ แต่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2556 แต่หากต้องขออนุมัติสำนักงบประมาณต้องส่งเรื่องให้สำนักงบประมาณ ภายในเดือนกรกฎาคม 2556

7. การเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกับหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามและกำกับดูแลโดยเคร่งครัด โดยให้ตั้งกรรมการหรือคณะทำงานในการเร่งรัดการใช้จ่ายเงิน และรายงานปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ให้ทราบ

8. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น รายงานผลการใช้จ่ายเงินและปัญหาอุปสรรคต่อคณะกรรมการติดตามเร่งรัดฯ เป็นรายไตรมาส และให้กรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ รายงานผลการเบิกจ่าย และรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจทุกแหล่งเงิน รวมทั้งปัญหาอุปสรรค ให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นรายไตรมาส

"การกำหนดมาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณในปีนี้ อาจจะมีความเข้มงวดมากขึ้นจากเป้าหมายการเบิกจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น แต่มีความเชื่อมั่นว่าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และจังหวัด จะสามารถดำเนินการได้ด้วยการติดตามเร่งรัดและให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องจากกรมบัญชีกลาง ซึ่งจะทำให้หน่วยงานปฏิบัติงานและเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามแผน และส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง และกระจายความเจริญไปทั่วทุกภูมิภาค" นายกิตติรัตน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ