ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดปี 56 ต่างชาติเที่ยวไทย 24.5 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1 ล้านลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 30, 2013 16:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่าในปี 56 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องด้วยอัตราร้อยละ 10.0 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประมาณ 24.5 ล้านคน และก่อให้เกิดรายได้ท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.06 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0 จากปีก่อนหน้า

ภาคการท่องเที่ยวของไทยยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี 55 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 22.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.0 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับการใช้จ่ายในด้านต่างๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ระหว่างที่พำนักท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทยก่อให้เกิดรายได้สะพัดสู่ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องของไทย ในปี 55 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 926,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

นอกจากจุดเด่นในด้านบริการที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย และความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวในไทย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ (อาทิ ภูเขา หาดทราย ชายทะเล เกาะแก่ง) และแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (อาทิ แหล่งช้อปปิ้ง สวนน้ำ-สวนสนุกกลางแจ้ง) ที่สามารถจะจูงใจดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้แล้ว การท่องเที่ยวไทยยังได้รับแรงบวกจากภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 56 ที่เริ่มจะมีเสถียรภาพมากขึ้นจากปีก่อนหน้า ซึ่งคาดว่าน่าจะส่งผลดีต่อการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นอกจากนี้ ปัจจัยสนับสนุนเฉพาะทางธุรกิจ อาทิ การขยายเส้นทางการบิน/ การเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินของธุรกิจการบินต้นทุนต่ำ และธุรกิจการบินแบบเช่าเหมาลำ ที่บินตรงเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น และการรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2558 ก็มีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงการเดินทางเข้ามาติดต่อลงทุนทำธุรกิจระหว่างประเทศสมาชิกในอาเซียนด้วยเช่นกัน ประกอบกับการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมด้านการตลาด ซึ่งรวมทั้งการสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวให้ไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยว และจัดโรดโชว์ในต่างประเทศ

สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากเป็นอันดับที่ 1 ในปีที่ผ่านมา คือ นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะตลาดกลุ่มไมซ์ (ทั้งกลุ่มประชุมสัมมนา และกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล) จากเมืองท่าสำคัญ อาทิ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางโจว เสิ่นเจิ้น เฉิงตู หังโจว ซีอาน และฉงชิ่ง นอกจากนี้ ยังมีตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น และ ตลาดนักท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งล้วนเป็นตลาดท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นตลาดเป้าหมายสำคัญที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของไทยต่างร่วมกันเร่งขยายสัดส่วนของตลาดกลุ่มนี้ให้เพิ่มขึ้น

ในปีนี้นักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นตลาดท่องเที่ยวหลักที่มีบทบาทสำคัญอันดับหนึ่งของไทย โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาประมาณ 3.4 ล้านคน (หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14 ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดของไทย) เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3 จากปีที่แล้ว และมีแนวโน้มก่อให้เกิดรายได้ท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.23 แสนล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของประเทศจีนเกื้อหนุนให้การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีไทยเป็นหนึ่งในปลายทางท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นตามกระแสภาพยนตร์จีนที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ยังมีความเสี่ยงที่ท้าทายศักยภาพของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวของไทย เพราะปัจจัยเสี่ยงนี้อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในปี 56 อาทิ การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาทใน 70 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 56 ที่ผ่านมา ซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยแรงงานที่มีทักษะด้านการให้บริการ ดูแลเอาใจใส่ด้วยความเป็นไทย ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนอกจากการปรับเพิ่มอัตราค่าบริการ โดยเฉพาะธุรกิจด้านที่พัก (ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้เพิ่มอัตราค่าบริการมาหลายปี)แล้ว ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องปรับแผนการตลาด โดยมุ่งขยายตลาดนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม ที่มีกำลังซื้อสูงและมีลู่ทางขยายตัวได้อีกมาก ควบคู่กับการปรับรูปแบบการให้บริการ และเพิ่มคุณภาพการบริการให้สอดคล้อง

รวมทั้งการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การบริหารจัดการองค์กร ทั้งในแง่การปรับปรุง/ เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ธุรกิจให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และพัฒนาทักษะแก่พนักงานผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว (โดยเฉพาะทักษะด้านการสื่อสารภาษาต่างประเทศ) ตลอดจนการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ (ทั้งในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน และระหว่างกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน) นอกจากนี้ ควรติดตามความเคลื่อนไหวของเงินบาท ที่อาจแข็งค่าขึ้นมากจนมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติบางกลุ่มได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ