(เพิ่มเติม) กนง.อาจใช้มาตรการอื่นๆ ควบคู่กับนโยบายดอกเบี้ยดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 12, 2013 09:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งที่ 4/56 วันที่ 28-29 พ.ค.56 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2.75 เป็นร้อยละ 2.50 ต่อปี โดยระบุว่าจะติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยและความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงินรวมทั้งเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายที่เหมาะสมตามสถานการณ์

ทั้งนี้ กรรมการ กนง.บางคนเห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนอยู่ สืบเนื่องมาจากปัจจัยของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลกระทบต่อความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ ขณะที่กรรมการฯ บางคนมีความเห็นเพิ่มเติมว่าภายใต้สถานการณ์ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงิน รวมทั้งความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย กนง.อาจสามารถพิจารณาดำเนินมาตรการหรือนโยบายอื่นๆ เช่น มาตรการด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย หรือ มาตรการด้าน Macro-prudential ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ย โดยจะเลือกพิจารณาตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อสถานการณ์

ในระหว่างการประชุม คณะกรรมการฯ ได้หารือเกี่ยวกับทางเลือกที่เหมาะสมในการดำเนินนโยบายการเงิน และมีข้อสรุปว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวล่าช้ากว่าที่คาด โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนและเอเชียขยายตัวต่ำกว่าที่คาด และอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคการส่งออกไทย ขณะที่ภาวะการเงินโลกยังมีความผันผวนสูง และอาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าสู่ภูมิภาครวมทั้งไทย ตลอดจนอาจทำให้ค่าเงินบาทมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ขณะที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/56 ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดมาก จากการชะลอลงของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนเป็นสำคัญ ประกอบกับความล่าช้าของแรงกระตุ้นภาคการคลัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแรงส่งของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปได้

"กรรมการฯ บางท่าน เห็นควรให้ติดตามแนวโน้มของการลงทุนภาครัฐโดยเฉพาะการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงมีความเสี่ยงที่จะล่าช้าออกไปอีก"รายงาน ระบุ

สำหรับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงจากการประชุมครั้งก่อน จากปัจจัยด้านต้นทุน ได้แก่ ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงินยังคงมีอยู่ จากสินเชื่อและหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่อง และอาจส่งผลลบต่อการบริโภคและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้ ประกอบกับภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงคึกคัก ส่วนหนึ่งจากการซื้อเพื่อลงทุนและเก็งกำไร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ