ในช่วง 1 วันหลังจากที่ยูโรกรุ๊ปอนุมัติเงินชวยเหลืองวดใหม่แก่กรีซที่ประสบปัญหาหนี้สินนั้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญจาก IOBE ได้สนับสนุนคำแนะนำจากคณะผู้ตรวจสอบบัญชีต่างชาติถึงความจำเป็นในการปรับโครงสร้างที่ต้องทำอย่างรวดเร็วและเต็มที่ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของประเทศ
ตัวเลขดังกล่าวนับว่ารุนแรงกว่าที่สหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าจะหดตัว 4.2% โดยอียูและไอเอ็มเอฟเป็นเจ้าหนี้ที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซมานับแต่ปี 2553
ผู้เชี่ยวชาญจาก IOBE ตั้งข้อสังเกตในรายงานรายไตรมาสฉบับล่าสุดว่า หลังจากช่วง 3 ปีของการดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวด ท่ามกลางความล่าช้าในการปฏิรูปและสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่ตกต่ำนั้น เศรษฐกิจกรีซยังคงเผชิญภาวะถดถอยอย่างรุนแรง
ในปี 2555 เศรษฐกิจกรีซหดตัว 6.4% ซึ่งเลวร้ายกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยาวนาน นักเศรษฐศาสตร์จาก IOBE คาดว่าอัตราการว่างงานของกรีซ ซึ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น จะยังคงสูงถึง 27-28% ในปี 2556 โดยเฉพาะหลังกระแสการเลิกจ้างในภาครัฐบาลในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าภายใต้ข้อตกลงล่าสุดกับบรรดาเจ้าหนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน