หลังจากมีการแก้ไขกฎระเบียบ ได้รับข้อมูลจาก รมช.พาณิชย์ว่า ปริมาณการใช้ยางพาราในการผลิตถุงมือยาง เพิ่มมากขึ้นเดือนละ 10,000 ตัน แต่บังเอิญมีปัญหาเรื่องโรงงานทำถุงมือไฟไหม้ ทำให้ปริมาณการใช้น้ำยางน้อยลงไป ซึ่งรัฐบาลจะเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะเรื่อง เช่น เครื่องจักรจะช่วยนำเข้ามาเร็วอย่างไร การลดหย่อนภาษี เงินทุน ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาในการใช้ยางพาราด้วย
นอกจากนี้ จะเข้าไปวิจัยส่งเสริมให้มีการใช้ยางพารา เพื่อผลิตวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ถุงมือ สายยางต่างๆ รวมทั้งวัสดุในภาคอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อใช้ทดแทนพลาสติกที่ไม่ย่อยสลาย และทำให้เกิดปัญหามลภาวะ มลพิษต่างๆได้ หากสามารถใช้ยางพารามาผลิตได้สำเร็จ จะช่วยให้ตลาดใหญ่ขึ้น เช่น มูลค่าการส่งออกถุงมือยางที่เดิมประมาณปีละ 20,000 ล้านบาท จะเพิ่มเป็น 50,000 ล้านบาทต่อปี ในช่วงเวลา 4-5 ปีข้างหน้า และจะเพิ่มปริมาณการใช้น้ำยางพาราดิบ ได้ถึง 500,000 ตันต่อปี
“การดำเนินการส่งเสริมในครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมแบบบูรณการ ให้มีการผลิตจากยางพาราทุกรูปแบบ เพื่อกระตุ้นการใช้ เช่น กระทรวงคมนาคมจะนำไปผสมยางมะตอยราดถนน หรือนำไปผสมทำที่นอนยางพาราให้มากขึ้น รวมทั้งการทำให้มีมูลค่าเพิ่ม ส่งออกต่างประเทศ โดยนำไปใช้ผสมในวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ถุงมือยาง เป็นการกระตุ้นตลาดให้ใหญ่ขึ้น ชูจุดเด่นในการลดมลพิษสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายมาตรการ ที่รัฐบาลกระตุ้นอย่างครบวงจร แก้ไขในเชิงระบบทั้งหมด" รมว.สาธารณสุข กล่าว