(เพิ่มเติม) ธปท.เผยบาทแข็งค่ารับเฟดส่งซิกตรึงดอกเบี้ย-เลือกตั้งอินโดฯหนุน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 10, 2014 15:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากการติดตามค่าเงินบาทในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ไม่มีปัจจัยใหม่มากระทบ นักลงทุนรอดูท่าทีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่เมื่อวานนี้ค่าเงินบาทมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น โดยมาจาก 2 ปัจจัย คือ ดอลลาร์อ่อนค่าจากการที่ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ออกรายงานผลการประชุมที่ไม่ได้ระบุถึงการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอีกหลายปี และจากปัจจัยเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่ Exit Poll ระบุว่า นายโจโค วิโดโด น่าจะได้รับชัยชนะ ซึ่งจะส่งผลในเรื่องของภาพลักษณ์ที่ไม่มีปัญหาการคอร์รัปชั่น และมองการเมืองอินโดฯ มีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เงินบาทที่แข็งค่าไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินทุน โดยนักลงทุนยังมีความมั่นใจและลงทุนในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น แม้จะมีการขายทำกำไรออกมาบ้าง

นางรุ่ง กล่าวถึงกรณีที่ ธปท.ประเมิน GDP ปีนี้จะขยายตัวที่ 1.5% ว่า เป็นเพียงค่ากลาง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะสูงกว่าหรือต่ำกว่า เนื่องจากในไตรมาส 2/57 ยังมีตัวชี้วัดอีกหลายตัวที่ยังไม่ออกมา ทำให้ภาพยังไม่ชัด และยังสรุปไม่ได้ ทั้งนี้ธปท.จะติดตามนโยบายของทางการที่จะออกมาเพิ่มว่าจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาคเอกชนและเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมากน้อยแค่ไหน

"กรณีที่ผู้ว่าฯ ระบุว่า GDP ปีนี้โต 2-2.5% มีความเป็นไปได้ หากการลงทุนภาคเอกชนออกมาเร็วกว่าที่คาดไว้ การเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ และเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีกว่าที่คาด...การลงทุนภาครัฐไม่ควรช้าถึง ธ.ค.เพราะจะไม่มีผลต่อเศรษฐกิจในปีนี้ หากจะให้ GDP ปีนี้โตได้ 2.5% ในไตรมาส 3 และ 4 จะต้องขยายตัวอยู่ในช่วงไตรมาสละ 4-5%" นางรุ่ง กล่าว

นางรุ่ง กล่าวต่อว่า หากโครงการภาครัฐมีความชัดเจน โปร่งใส ตอบคำถามได้ เงินลงทุนเต็มเม็ดเต็มหน่วย จะกระตุ้นภาคเอกชนได้มาก เพราะการลงทุนภาคเอกชนถือว่ามีบทบาทสำคัญ เพราะคิดเป็นสัดส่วนถึง 70%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ