เงินบาทปิด 32.18/19 คาดสัปดาห์หน้าแข็งค่าต่อ มองกรอบ 32.05-32.25

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 10, 2014 17:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.18/19 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.16/18 บาท/ดอลลาร์

ทั้งนี้ในช่วงเช้าค่าเงินบาทลงไปทำ low ที่ระดับ 32.12 บาท/ดอลลาร์ และค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นมา โดยในช่วงบ่ายไปทำ high ที่ระดับ 32.20 บาท/ดอลลาร์ โดยช่วงนี้เงินบาทแข็งค่าตามสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียที่ต่างแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับมี flow ไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชีย

นักบริหารเงิน คาดว่า เปิดตลาดสัปดาห์หน้าเงินบาทมีโอกาสจะแข็งค่าได้ต่อ โดยอาจจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.05 - 32.25 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.34 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 101.51 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.3627 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3647 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,518.01 เพิ่มขึ้น 10.09 จุด (+0.67%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 45,274 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,708.74 ลบ.(SET+MAI)
  • โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยจากการติดตามค่าเงินบาทในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ไม่มีปัจจัยใหม่มากระทบ นักลงทุนรอดูท่าทีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่เหตุที่วานนี้(9 ก.ค.) ค่าเงินบาทมีการเคลื่อนไหวมากมาจาก 2 ปัจจัย คือ ดอลลาร์อ่อนค่าจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ออกรายงานผลการประชุมที่ไม่ได้ระบุถึงการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และจากปัจจัยเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่ Exit Poll ระบุว่า นายโจโค วิโดโด น่าจะได้รับชัยชนะ ซึ่งจะส่งผลในเรื่องของภาพลักษณ์ที่ไม่มีปัญหาการคอร์รัปชั่น และมองการเมืองอินโดนีเซียมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
  • ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.2% แตะ 339.28 เมื่อเวลา 08.18 น. ภายหลังจากที่จีนได้เปิดเผยยอดส่งออกที่สวนทางกับคาดการณ์ และการเปิดเผยรายงานผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่สมาชิกของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจสหรัฐ
  • นายหลู จีเหว่ย รัฐมนตรีคลังจีน ระบุว่า การเข้าแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องจำเป็น หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่และการไหลเข้าของเงินทุนไม่ปกติ พร้อมกับกล่าวถึงนโยบายการเงินของสหรัฐว่า การปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างเป็นขั้นตอนนับเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็จะส่งผลให้เกิดความผันผวนในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรัฐบาลจีนได้เผชิญกับความท้าทายในการบริหารเงินไหลเข้าจำนวนมากอันเป็นผลมาจากการยกเลิก QE
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ระบุว่า ธนาคารกลางจีนเตรียมใช้นโยบายเพื่อควบคุมอัตราดอกเบี้ยบนพื้นฐานการตลาด โดยการใช้เครื่องมือดังกล่าวจะต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคธนาคาร เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติของนานาชาติ
  • ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจ(GDP) ภายในประเทศในปี 2557 ลงสู่ระดับ 3.8% จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 4% ซึ่งมาจากการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนที่ซบเซาลง อันเป็นผลมาจากเหตุการณ์เรือเฟอร์รี "เซวอล" อับปางเมื่อวันที่ 16 เม.ย. พร้อมกันนี้ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2558 ลงสู่ระดับ 4% จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 4.2%
  • สำนักคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากภาคครัวเรือนมีความต้องการใช้จ่ายมากขึ้น โดยคาดหวังว่าจะมีการขึ้นค่าจ้าง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นบ่งชี้ว่า ผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจ จากการขึ้นภาษีการบริโภคครั้งแรกในรอบ 17 ปี เมื่อวันที่ 1 เม.ย.นั้น ค่อยๆจางหายไปแล้ว
  • สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเพิ่มขึ้น 60 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 12,300 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,332.24 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง

แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ