ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีความต้องการใช้ไฟฟ้า 2,177 ล้านหน่วย มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 300 เมกะวัตต์ และมีการใช้ไฟฟ้าเป็นระดับ 2 ในพื้นที่ภาคใต้รองจากจังหวัดสงขลา ซึ่งการรณรงค์ฯในครั้งนี้ กระทรวงพลังงานเชื่อว่าจะสามารถนำมาตรการประหยัด และเครื่องมือสนับสนุนทางการเงินต่างๆ เพื่อจูงใจให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในจังหวัดภูเก็ตมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จากภาพรวมการใช้พลังงานในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด พบว่า มีการใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 9% ของทั่วประเทศ โดยมีกำลังผลิตที่ระดับ 3,182 เมกะวัตต์ และมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 3,000 เมกะวัตต์ รวมถึงความจำเป็นในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งยังต้องอาศัยไฟฟ้าจากภาคกลางและส่งไปเสริมในบางช่วงเวลา กระทรวงพลังงานจึงต้องการขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนี้ ในการอนุรักษ์พลังงานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ต่อไป
สำหรับการสนับสนุนจากภาครัฐ ผ่านมาตรการด้านการเงินและการลงทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ที่กระทรวงพลังงานได้มานำร่องแนะนำผู้ประกอบการภาคธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้ อาทิ การส่งเสริมการลงทุนผ่าน ESCO Fund แนวคิดคือการเข้าร่วมลงทุนกับภาคเอกชนในโครงการที่มีศักยภาพ แต่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ ปัจจุบันได้เปิดโครงการในระยะที่ 4 วงเงิน 500 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการระหว่าง เม.ย.58 ถึงเม.ย.60
การสนับสนุนการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน (Direct Subsidy) โดยจะสนับสนุนเงินลงทุน 20% (กลุ่ม SME 30%) อัตราสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อราย ซึ่งจะเปิดรับสมัครถึง 31 ก.ค. 58 นี้
นายอารีพงศ์ กล่าวเพิ่มว่า กระทรวงพลังงานยังได้มีโอกาส นำสื่อมวลชนมาร่วมติดตามโครงการด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนี้ ได้แก่ การเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าขยะของเทศบาลเมืองภูเก็ต ซึ่งถือเป็นการใช้ประโยชน์ และสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะของเสียในพื้นที่จังหวัด การปรับเปลี่ยนหลอดประหยัดพลังงาน LED ในถนนสายเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน รวมไปถึงการเยี่ยมชมโมเดลการใช้น้ำมัน E85 สำหรับเรือ บริเวณอ่าวมาริน่าเบย์ เป็นต้น