ไนท์แฟรงค์ฯมองตลาดคอนโดฯระดับซุปเปอร์ไพร์มในกทม.ยังน่าสนใจ,ราคาขึ้นปีนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 22, 2016 12:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ไพรม์ในกรุงเทพฯ อยู่ในเกณฑ์ดี โดยในปี 58 มียอดขายรวมทั้งสิ้น 1,350 ยูนิต จากจำนวนอุปทานซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดเพียง 1,814 ยูนิต หรือคิดเป็นอัตราขาย 74.4% ตลาดคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ไพรม์เป็นที่สนใจแก่ลูกค้าชาวไทย ชาวไต้หวัน ชาวจีนสิงคโปร์ และชาวจีนฮ่องกง ซึ่งซื้อคอนโดมิเนียมดังกล่าวเพื่อการลงทุน

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าราคาของคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ไพรม์ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยที่สุด 10-15% ขณะที่ในด้านทำเลของตลาดคอนโดมิเนียมในภาพรวมนั้นย่านที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ เช่น รัชดา-พระราม 9 เพชรบุรี พหลโยธิน และลาดพร้าว ซึ่งระบบขนส่งมวลชนเข้าถึงอย่างสะดวกและรวดเร็วจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ในอนาคตมีการคาดการณ์ว่าจะมีคอนโดมิเนียมประเภทที่สร้างบนที่ดินแบบให้เช่า (leasehold) ในย่านใจกลางเมืองเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากที่ดินที่เหลืออยู่ในศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาล การรถไฟแห่งประเทศไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย และอื่น ๆ เป็นต้น

นายข่าน คาดการณ์ว่าตลาดคอนโดมิเนียมในย่านศูนย์กลางธุรกิจ รวมทั้งย่านถนนสุขุมวิท รัชดาภิเษก และพหลโยธิน จะเติบโตขึ้นในปีนี้ สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า อาทิ โครงการบางแห่งที่ขยายตัวตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเผชิญการแข่งขันสูงเนื่องจากมีจำนวนอุปทานมาก ดังนั้น บริษัทผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยควรให้ความสำคัญมากในเรื่องการเลือกทำเลที่ตั้ง ในทางกลับกันโครงการที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สีเขียว และสีส้ม มีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากยังมีจำนวนอุปทานไม่มาก ดังนั้นโครงการคอนโดมิเนียมย่านนี้น่าจะมีอนาคตที่สดใส หากเลือกทำเลที่ตั้ง และกำหนดรูปแบบคอนโดมิเนียมที่เหมาะสมและตรงใจลูกค้า รวมถึงราคาที่เหมาะสมด้วย ส่วนย่านรามคำแหง ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีส้มจะวิ่งผ่านนั้นจะเป็นย่านที่ขาดแคลนที่ดินผืนใหญ่ที่เหมาะสมในการสร้างโครงการคอนโดมิเนียม

สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวหินปีนี้ จะยังคงทรงตัวเท่ากับปี 58 โดยจำนวนอุปทานยังคงมีมากกว่าอุปสงค์ ในขณะที่พัทยานั้นจะการเติบโตดีเพราะผู้ซื้อชาวจีนและชาวรัสเซียเริ่มกลับมา ซึ่งจะเริ่มเห็นการเคลื่อนไหวในพัทยาช่วงไตรมาส 2/59

นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการบริหาร บริษัท ไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต จำกัด กล่าวถึงตลาดที่อยู่อาศัยในภูเก็ตว่า ตลาดอาจจะไม่ค่อยสดใสนัก ซึ่งในปี 58 มีจำนวนอุปทานรวมทั้งหมด 11,177 หน่วย โดย 1,654 หน่วย เป็นโครงการที่เปิดตัวใหม่ ยอดขายสะสมของตลาดคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 7,393 ยูนิตนับตั้งแต่ช่วงปี 50-58 คิดเป็นอัตราขายที่ 64.89% ซึ่งการลดลงของอุปสงค์มีสาเหตุมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการอ่อนตัวของค่าเงินรูเบิล ส่งผลทำให้ผู้ซื้อชาวรัสเซียมีจำนวนลดลง

สำหรับตลาดวิลล่าในภูเก็ตยังชะลอตัว โดยมีวิลล่าเพียง 176 หลังที่ขายออกไปในปี 58 เมื่อเทียบกับจำนวน 220-250 หลังที่ขายได้ในแต่ละปีในช่วง 55-67 อย่างไรก็ตามราคาขายเฉลี่ยของวิลล่าระดับซุปเปอร์ไพรม์ที่เพิ่งเปิดตัวนั้นมีราคาพุ่งขึ้นสูงถึง 7-10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อหลัง ทั้งนี้ วิลล่าที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ตั้งราคาขายอยู่ที่ 3-5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อหลัง อนึ่ง วิลล่าระดับซุปเปอร์ไพรม์ที่เพิ่งเปิดตัวไปเป็นวิลล่าที่ติดวิวทะเล โดยมีจำนวนห้องนอน 4-8 ห้อง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่หรือมากกว่า และมักบริหารจัดการโดยเครือโรงแรมจากต่างประเทศ

นายณัฐฏา กล่าวเสริมว่าภูเก็ตเริ่มขาดแคลนที่ดินในการพัฒนาโครงการวิลล่าติดทะเล หรือเห็นวิวทะเล ดังนั้น บริษัทผู้พัฒนาโครงการพัฒนาควรเลือกหาทำเลที่ดี พร้อมกับสร้างจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ให้แก่โครงการใหม่ๆ ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ