เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากช่วงเช้า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากตลาดคาดการณ์เรื่องที่จีนอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มเติม ภายหลังจากที่จีนได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลง ซึ่งหากจีนใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ก็ย่อมจะส่งผลดี ต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่นในภูมิภาคตามมาด้วย
"ตลาดมองว่าจีนอาจจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น เศรษฐกิจในภูมิภาคก็น่าจะดีตามด้วย" นักนักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50 - 35.70 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.31/35 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 114.00 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0863/0867 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0864 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,365.31 เพิ่มขึ้น 18.36 จุด (+1.36%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 68,861 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,587.23 ลบ.(SET+MAI)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อปีนี้โต 5-6% จาก 4.7%ในปีก่อน ขณะที่จะดูแลหนี้ที่ไม่ก่อให้
- กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการวางกรอบแผนพลังงานในภาพรวมใหม่ โดยยึดหลักการบูรณาการแผนงานที่มีอยู่เข้า
- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของจีน ลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ"
- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงดูมีแนวโน้มน่าวิตก
- คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เตรียมลงมติในการใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือในวันนี้
- สัปดาห์นี้ สหรัฐฯ จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.จาก ADP, รายงานสรุป
ภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ (FED), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีผู้
จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ., ข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือน
ม.ค. เป็นต้น