นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.12 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า จากเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.18 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 35.12-35.18 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ หลังเปิดตลาดบาททยอยแข็งค่าลงมาอยู่ 35.12/13 บาท/ดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว
ตลาดรอดูการแสดงความคิดเห็นของกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งคาดการณ์ว่า BoE อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.25% หรือเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลาย เชิงปริมาณ (QE) เพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ส่วนประเด็นเรื่อง วิกฤตการณ์ทางการเงินในอิตาลี และคำตัดสินของศาลโลกกรณีทะเลจีนใต้ยังไม่ส่งผลกระทบ
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 35.10-35.25 บาท/ดอลลาร์
"บาทน่าจะแกว่งตัวในกรอบไม่เกิน 15 สตางค์ รอปัจจัยจากเศรษฐกิจโลกเข้ามา" นักบริหารเงินฯ กล่าว
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.79 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 103.10 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1107 ดอลลาร์/ยูโร แข็งค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1055 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,474.92 จุด เพิ่มขึ้น 6.53 จุด, +0.44% มูลค่าการซื้อขาย 68,357.78 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,278.94 ล้านบาท (SET+MAI)
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย วงเงิน 1 แสน
- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เผยได้ปรับประมาณการค่าเงินบาทในปีนี้แข็งค่าขึ้นเป็น 36.20 บาท/ดอลลาร์ จาก
- ธนาคารกสิกรไทยได้ปรับลดประมาณการส่งออกของไทยปีนี้ลดลงเป็นติดลบ 2% จากเดิม 0% เนื่องจาก
- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14 ก.ค.นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด
- ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการเงินชี้ปัญหาในภาคธนาคารของอิตาลีกำลังกลายเป็นวิกฤตระลอกใหม่กลุ่มประเทศยูโรโซน
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น เผยดัชนีราคาค้าส่งของญี่ปุ่นเดือน มิ.ย.ปรับตัวลง 4.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเป็นการลดลง
- นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้สั่งการให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆดำเนินการรวบรวมมาตรการกระตุ้น
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.1%
เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งแรก ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่
29 มิ.ย. โดยราคาพลังงานยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันให้กับตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 6.4% จากช่วงเดียว
กันของปีก่อน หลังจากร่วงลง 7.9% ในเดือนพ.ค. ด้านราคาอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายปี โดยได้แรงหนุน
จากราคาผักที่เพิ่มขึ้น 4.6% โดยเฉพาะมันฝรั่งที่พุ่งสูงถึง 19.1%