พาณิชย์ มั่นใจส่งออกปีนี้โตเกิน 3% มีลุ้นเข้าเป้า"สมคิด"ที่ 5%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 22, 2017 11:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า การส่งออกของไทยในปีนี้จะสามารถเติบโตได้เกิน 3% อย่างแน่นอน และเชื่อว่าจะมีโอกาสเติบโตได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายไว้ว่าต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ผลักดันการส่งออกปีนี้ให้โตได้ถึง 5%

"ของเดิมที่เราเคยคาดไว้ที่ 2.5-3.5% นั้น เรามั่นใจว่าอย่างน้อย 3% จะทำได้เกินแน่นอน ส่วนเป้าหมาย 5% ที่รองนายกฯ สมคิดให้ไว้นั้น ก็ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม" ผู้อำนวยการ สนค.ระบุ

สาเหตุที่เชื่อว่าการส่งออกในปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้น เป็นเพราะราคาน้ำมันดิบได้เริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆ ส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย รวมทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคก็เริ่มปรับตัวและมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น นอกจากนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญสอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 2 ครั้งภายในปีนี้

ประกอบกับเศรษฐกิจจีนยังทรงตัวและมีโอกาสขยายตัวได้ต่อเนื่องในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในระดับปานกลางจากแรงขับเคลื่อนในประเทศ ทั้งการบริโภคและการใช้จ่าย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้สถานการณ์ส่งออกไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า หากจะผลักดันให้การส่งออกของไทยในปีนี้เติบโตได้ 5% นั้น มูลค่าการส่งออกในแต่ละเดือนที่เหลืออยู่จะต้องไม่ต่ำกว่า 19,052 ล้านดอลลาร์ แต่หากจะให้การส่งออกเติบโตได้ 4% มูลค่าการส่งออกในแต่ละเดือนต้องไม่ต่ำกว่า 18,837 ล้านดอลลาร์ และหากจะให้การส่งออกเติบโตได้ 3% มูลค่าการส่งออกในแต่ละเดือนจะต้องไม่ต่ำกว่า 18,621 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี การส่งออกของไทยยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยเรื่องความไม่ชัดเจนจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมือในยูโรโซน ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนในด้านอัตราแลกเปลี่ยนและเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับภาวะการค้าและการลงทุนของโลกในระยะต่อไป ซึ่ง สนค.จะติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด พร้อมคาดว่า ค่าเงินบาทในปีนี้จะอยู่ในช่วง 35.50-37.50 บาท/ดอลลาร์ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบ จะอยู่ในกรอบ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล "เราคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมีผลทำให้เงินบาทอาจจะอ่อนค่าลง แต่ประเทศเพื่อนบ้านเราก็อาจจะอ่อนค่ากว่า ดังนั้นจึงอาจจะไม่ได้เป็นผลดีมากนัก และเชื่อว่าแบงก์ชาติจะดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้" น.ส.พิมพ์ชนก ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ