กยท.-กฟผ. ลงนาม MOU จัดหาวัตถุดิบจากเศษไม้ยางพาราเป็นเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าชีวมวล เพิ่มรายได้ชาวสวนยาง-ทางเลือกพลังงาน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 1, 2017 16:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการจัดหาวัตถุดิบจากเศษไม้ยางพาราและส่งเสริมการปลูกไม้โตเร็ว เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าชีวมวลของ กฟผ. หวังเพิ่มทางเลือกพลังงาน และสร้างรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง

นายธีรวัฒน์ เดชทองคำ รองผู้ว่าการ กยท. ด้านธุรกิจและปฏิบัติการ กล่าวว่า กยท.ตระหนักและให้ความสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราอย่างครบวงจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างรายได้และความมั่นคงให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง การร่วมมือกันในการจัดหาวัตถุดิบจากเศษไม้ยางพาราในสวนปลูกแทนและในพื้นที่ของเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท.เพื่อนำวัตถุดิบเหล่านี้ใช้เป็นเชื้อเพลิงให้แก่โรงไฟฟ้าชีวมวลของ กฟผ.จะเป็นแนวทางในการเพิ่มรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยางให้ดีขึ้นจากการขายไม้ยางพารา

นอกจากนี้ กยท.ยังสนับสนุนให้เกษตรกรชาวสวนยางปลูกไม้โตเร็ว 5 ชนิด ได้แก่ กระถินเทพณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ สนประดิพัทธ์ และยูคาลิปตัส ควบคู่ไปกับการทำสวนยาง โดยคำนึงถึงความหลากหลายทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะการปลูกไม้โตเร็ว สามารถนำไปแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงก้อนพลังงานอัดเม็ดหรือ Wood Pellet ป้อนโรงไฟฟ้าชีวมวล ขณะนี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดผู้รับซื้อเป็นจำนวนมากจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในช่วงที่ไม่สามารถเก็บน้ำยางได้ และช่วงที่ราคายางผันผวน

"โครงการนี้ เกษตรกรในฐานะผู้ผลิตวัตถุดิบสามารถบริหารจัดการพื้นที่ของตนเองให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยเปลี่ยนแนวคิดและวิธีการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นการปลูกพืชเศรษฐกิจแบบผสมผสานที่จะช่วยสร้างรายได้แบบหมุนเวียน" นายธีรวัฒน์ กล่าว

รองผู้ว่าการ กยท. กล่าวว่า เกษตรกรชาวสวนยางที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับพันธุ์กล้าไม้โตเร็วทั้ง 5 ชนิดได้รับการสนับสนุนจาก กฟผ. และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในส่วนของ กยท. จะดำเนินการจัดหากลุ่มเป้าหมาย เพื่อเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปีเกษตรกรจะสามารถตัดโค่น และขายไม้ให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวลของ กฟผ. ได้ ซึ่งเบื้องต้นจะนำร่องรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ในจังหวัดบึงกาฬเป็นแห่งแรก พื้นที่จำนวนทั้งสิ้น 6,500 ไร่ และจะขยายโครงการไปสู่พื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ

"โรงไฟฟ้าชีวมวล นอกจากจะเป็นพลังงานทดแทนแล้วยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง และครอบครัว เพราะปัจจุบันตลาดมีความต้องการใช้ไม้ยางพารา และไม้ชนิดอื่นๆ สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมพลังงาน การปลูกไม้โตเร็วนั้นไม่ยาก สามารถปลูกได้พร้อมๆ กับปลูกยางพารา และสามารถตัดขายได้ ในช่วงระหว่างรอการเปิดกรีด" นายธีรวัฒน์ กล่าว

ด้านนายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการ กฟผ. ด้านพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ มีเจตนาร่วมกันที่จะจัดทำโครงการจัดหาวัตถุดิบจากเศษไม้ยางพาราและส่งเสริมการปลูกไม้โตเร็ว เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงให้แก่โรงไฟฟ้าชีวมวลของ กฟผ. ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

"ทั้งสององค์กรจะร่วมกันจัดหาวัตถุดิบจากเศษไม้ยางพารา เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงให้แก่โรงไฟฟ้าชีวมวลของ กฟผ. ส่งเสริมและพัฒนาการปลูกไม้โตเร็ว จัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ปลูกไม้ยางพารา และร่วมกันหาแนวทางในการเพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยางให้ดีขึ้น ตลอดจนส่งเสริมกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ในพื้นที่เป้าหมายของโครงการ" นายสหรัฐ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ