นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการขยายการเข้าถึงบริการด้านสินเชื่อให้แก่ประชาชนรายย่อยที่ประกอบธุรกิจโดยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในการให้บริการ สอดคล้องกับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ สังคม รวมทั้งมีการกำกับดูแลผู้ให้บริการอย่างเหมาะสม กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกำหนดให้ธุรกิจ ระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล (Peer-to-Peer Lending Platform) เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58
ธุรกิจ Peer-to-Peer Lending Platform จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการทำสัญญากู้ยืมเงิน ระหว่างผู้ให้กู้ และผู้ขอกู้ที่เป็นบุคคลธรรมดา โดยผู้ประกอบธุรกิจต้องเป็นบริษัทหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่มีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยไม่ต่ำกว่า 75% และต้องมีทุนขั้นต่ำ 5 ล้านบาทตลอดระยะเวลาการประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ Peer-to-Peer Lending Platform ต้องจัดให้มีแนวทางการคุ้มครองผู้บริโภค และมาตรการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น กระบวนการรู้จักลูกค้า การประเมินความเหมาะสม (client suitability) ของผู้ให้กู้ และการประเมินระดับความเสี่ยง (credit rating) ของผู้ขอกู้
ทั้งนี้ ธปท. จะกำหนดหลักเกณฑ์รองรับผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจ โดยผู้สนใจสามารถติดต่อมายัง ธปท. เพื่อขอเข้าร่วมทดสอบใน Regulatory Sandbox ของ ธปท. และเมื่อพร้อมให้บริการในวงกว้างแล้ว ธปท. จะเสนอกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาให้ใบอนุญาตต่อไป