ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเดือนธ.ค.61 ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในทุกหมวดการใช้จ่าย แม้ชะลอลงบ้าง แต่เป็นผลของฐานสูงเป็นสำคัญ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมและเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนนี้ขยายตัวดี อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้ากลับมาหดตัว ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากรายจ่ายลงทุน
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศและราคาอาหารสดที่ลดลง สำหรับอัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. ระบุว่า ในเดือนธ.ค.61 ในส่วนของเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวต่อเนื่องจากระยะเดียวกันปีก่อนในทุกหมวดการใช้จ่าย แม้ชะลอลงบ้างเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานที่สูงในปีก่อนในหมวดบริการและหมวดสินค้าคงทนเป็นสำคัญ สำหรับปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อโดยรวมปรับดีขึ้นตามรายได้ครัวเรือนในภาคเกษตรกรรมที่กลับมาขยายตัวจากด้านผลผลิตโดยเฉพาะข้าวขาว ขณะที่รายได้รวมลูกจ้างนอกภาคเกษตรกรรมทรงตัวในระดับสูง ทั้งนี้ การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวสอดคล้องกัน โดยเฉพาะการผลิตในหมวดยานยนต์ และหมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม สอดคล้องกับยอดจำหน่ายยานยนต์ในประเทศที่ขยายตัวดี
เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน จากเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ตามยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศที่มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่องในหลายหมวด และยอดจดทะเบียนรถยนต์เพื่อการลงทุน ขณะที่เครื่องชี้การลงทุนในหมวดก่อสร้างหดตัวตามพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง แต่ยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างยังขยายตัวได้
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ขยายตัวที่ 7.7% จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวในตลาดสำคัญ อาทิ มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และรัสเซีย ประกอบกับในเดือนนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน หลังจากเหตุการณ์เรือท่องเที่ยวล่มที่จังหวัดภูเก็ต สะท้อนสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปิดเส้นทางบินตรงใหม่มายังไทยเพิ่มเติม ประกอบกับได้รับผลดีจากมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม visa on arrival ที่เริ่มมีผลเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 ทั้งนี้ เมื่อขจัดผลของฤดูกาลแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียเป็นสำคัญ
มูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัว 1.6% จากระยะเดียวกันปีก่อน และหากหักทองคำหดตัว 2.0% โดยเป็นการหดตัวในหลายหมวดสินค้าจาก 1) ผลของฐานสูงจากระยะเดียวกันปีก่อนในหลายหมวดสินค้า อาทิ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ โทรศัพท์มือถือ สินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปโดยเฉพาะข้าวและน้ำมันปาล์ม และเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะแผงโซล่าเซลล์และเครื่องซักผ้า และ 2) ผลของอุปสงค์ในตลาดโลก ที่ชะลอลงจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ภาวะเศรษฐกิจในหลายประเทศชะลอตัวและวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยางพารา และผลิตภัณฑ์ยางหดตัว
อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าที่มูลค่าเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบ ขยายตัวจากด้านปริมาณเป็นสำคัญ และการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ขยายตัวตามการส่งออกยางล้อรถยนต์ไปสหรัฐฯ ที่ได้รับผลดีจากการทดแทนสินค้าจีนเป็นสำคัญ
ด้านมูลค่าการนำเข้าสินค้า หดตัวที่ 6.7% จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการนำเข้าทองคำที่หดตัวสูง และหากหักทองคำขยายตัว 2.5% โดยเป็นการขยายตัวใน 1) หมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง ตามการนำเข้าน้ำมันดิบที่ขยายตัวจากทั้งด้านราคาและปริมาณ 2) หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ตามการนำเข้าสินค้ากึ่งคงทน สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว และ 3) หมวดยานยนต์และชิ้นส่วน ตามการนำเข้ารถยนต์นั่งและชิ้นส่วนยานยนต์ สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง
การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอน หดตัวเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อน ตามรายจ่ายลงทุนที่หดตัวจากการชะลอการเบิกจ่าย เพื่อทบทวนแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ขณะที่รายจ่ายประจำขยายตัวจากรายจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรเป็นสำคัญ
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.36% ชะลอจาก 0.94% ในเดือนก่อน ตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ประกอบกับราคาอาหารสดปรับลดลงเล็กน้อย ตามราคาผักและผลไม้เป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน สำหรับอัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากทั้งดุลการค้าและดุลบริการ ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากด้านสินทรัพย์ ตามการนำเงินออกไปฝากในต่างประเทศ เพื่อปรับฐานะเงินตราต่างประเทศ และการปล่อยกู้ให้ธุรกิจเอกชนในต่างประเทศของสถาบันการเงินที่รับฝากเงิน (ODC) และการลงทุนโดยตรงของนักลงทุนไทยในต่างประเทศ (TDI) โดยเฉพาะการให้กู้ยืมของธุรกิจในเครือ
นายดอน ยังกล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ของปี 2561 ว่า ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 โดยอุปสงค์ในประเทศขยายตัวตามเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวในทุกหมวดการใช้จ่าย ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวตาม ด้านเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวตามการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์
อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวตามรายจ่ายลงทุนเป็นสำคัญ ด้านอุปสงค์ต่างประเทศขยายตัวชะลอลงตามการส่งออกสินค้า ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวสูงขึ้นแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนหดตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงจากไตรมาสก่อน ตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ปรับลดลง อัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลทรงตัวจากไตรมาสก่อน สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ
ส่วนการส่งออกของไทยในปี 2562 นายดอน กล่าวว่า ต้องรอดูผลกระทบสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ว่ายังมีปัญหายืดเยื้อหรือไม่ เพราะอาจส่งผลต่อการส่งออกได้ อย่างไรก็ดี คงต้องรอการประเมินอีกครั้งในช่วงเดือนมี.ค.นี้
ส่วนด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน ในบางพื้นที่ เช่น ภาคเหนือน่าจะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่คงต้องรอดูผลกระทบปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หากสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา เชื่อว่าการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้จะคึกคักแน่นอน
นายดอน กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในเดือน ก.พ.นั้น มองว่า การขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ อาจทำให้ผู้กู้ลำบากขึ้น แต่โดยรวมเท่าที่ประเมินยังไม่กระทบมากนัก และไม่ทำให้โมเมนตัมเศรษฐกิจเสียไป
สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนมี.ค.นี้ ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ดีของประเทศไทย ซึ่งนักลงทุนในประเทศ คงรอดูแนวโน้มของรัฐบาลใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร แต่เท่าที่มองเชื่อว่าการลงทุนในโครงการพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะยังคงเดินหน้าได้ต่อเนื่อง