(เพิ่มเติม) ผู้ว่า ธปท.รับศก.ไทยปีนี้อาจโตชะลอลงจากปัจจัยเสี่ยงตปท.เพิ่ม คาด กนง.ทบทวนคาดการณ์ใน มี.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 28, 2019 13:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอมว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจจะเติบโตชะลอลงจากปีก่อน เนื่องจากปัจจัยต่างประเทศมีเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ ธปท.ได้ประเมินไว้บ้างแล้ว โดยในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งต่อไปในเดือน มี.ค.62 จะนำปัจจัยต่างๆ มาพิจารณาทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้อีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ กนง.จะประเมินสถานการณ์เป็นระยะ

ส่วนกรณีที่ต่างประเทศเริ่มมีการทบทวนทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงนั้น คงไม่ใช่เพียงปัจจัยเดียวที่ กนง.นำมาพิจารณาเพื่อกำหนดนโยบายการเงิน แต่ขึ้นอยู่กับข้อมูลทั้งหมดที่มี อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถานอาจมีผลกระทบมาถึงประเทศไทยบ้าง จากความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงแนะนำผู้ประกอบการบริหารความเสี่ยงด้วย

"เศรษฐกิจไทยนั้น เชื่อว่าจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่อาจชะลอลงจากปีก่อนบ้าง แต่ประเด็นสำคัญคือ มีปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศมากขึ้น เป็นปัจจัยที่เราไม่ได้คาดคิด เช่น กรณีของอินเดีย-ปากีสถาน ด้วยความที่เศรษฐกิจมีการเชื่อมโยงกัน ก็อาจจะส่งผลกระทบมาสู่เราได้ เพราะฉะนั้นการบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าชะล่าใจ ว่าในประเทศไม่มีอะไร แต่มันมีสถานการณ์ภายนอกที่อาจเข้ามากระทบได้" ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าว

พร้อมยืนยันว่า ในการดำเนินนโยบายการเงินนั้นจะยังคงยึดหลัก Data Dependent เป็นสำคัญ เนื่องจากปัจจัยต่างๆ รอบตัวมีความผันผวนอยู่ตลอด จึงจำเป็นต้องมีการประเมินสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลาอย่างใกล้ชิด

นายวิรไท ยอมรับว่ามีความกังวลต่อในกรณีที่สินเชื่อบางประเภทมีอัตราการเติบโตมากเกินไป และเป็นการปล่อยสินเชื่อด้วยการประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร มีการสร้างแรงจูงใจที่ผิดปกติ ซึ่งจะมีส่วนในการทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นได้ เช่น การสร้างดีมานด์เทียมในภาคอสังหาริมทรัพย์ การปล่อยสินเชื่อบ้านในวงเงินที่สูงเกินศักยภาพของผู้กู้ ตลอดจนมีการสร้างความเข้าใจที่ผิดๆ ว่าราคาบ้านในอนาคตจะปรับตัวสูงขึ้น ทั้งที่จริงแล้วเป็นเพียงดีมานด์เทียม ในขณะที่มีซัพพลายในตลาดมาก ซึ่งไม่มีโอกาสที่ราคาบ้านจะปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างที่คาดหวัง สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ ธปท.จำเป็นต้องมีการวางหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นในระยะยาว

"ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ที่เราต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน สร้างความเข้าใจให้กับสถาบันการเงิน และช่วยกันเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในระยะยาว" ผู้ว่าฯธปท.ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ