เลือกตั้ง'62: สมาคมอสังหาฯ เผยยอดขาย-การเปิดโครงการใหม่ชะลอตั้งแต่ต้นปี เหตุรอการเมืองชัดเจนหลังเลือกตั้ง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 21, 2019 16:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ยอดขายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลจากการที่ลูกค้ารอความดูความชัดเจนต่างๆ หลังผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว ทำให้การตัดสินใจซื้อชะลอตัวลงไปในช่วงที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยต่างชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อรอความชัดเจนทางการเมืองที่แน่นอนก่อน อีกทั้งการทำงานของหน่วยงานราชการต่างๆ ในช่วงนี้ได้ชะลอไปในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ทำให้ศักยภาพการขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยเกิดการสะดุดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยมากนัก

อย่างไรก็ตาม มองว่าหากมีความชัดเจนของการเมืองที่แน่นอนแล้ว คาดว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยจะกลับมาฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง ที่การเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคัก และจะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นยอดขายให้กลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง

ส่วนความกังวลของกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่ซื้อที่อยู่อาศัยในไทย และมีสัญญาณว่าจะไม่โอนนั้น นายพรนริศ มองว่ายังไม่เห็นสัญญาณดังกล่าว และเป็นปัจจัยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างมีนัยสำคัญ เพราะยอดขายที่มาจากกลุ่มลูกค้าชาวจีนมีเพียงไม่มาก หรืออยู่ที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับยอดขายทั้งหมดของตลาดที่ 4-5 แสนล้านบาท

นายพรนริศ กล่าวว่า ในเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายก่อนที่มาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดเกณฑ์สัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ใหม่ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.62 นั้น พบว่าลูกค้าได้เร่งโอนโครงการมากขึ้น ส่งผลให้การโอนส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในเดือนมี.ค.เป็นจำนวนมาก จะเห็นว่าการทำงานของผู้ประกอบการหลายรายในช่วงนี้ จะเน้นไปที่การจัดการการโอนของลูกค้าเป็นหลัก

ด้านความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินให้กับลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยในปีนี้ มองว่ายังคงมีความเข้มงวดอยู่ ซึ่งยังเห็นได้จากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 30% โดยเป็นผลจากการที่ลูกค้าบางรายยังมีหนี้บัตรเครดิตอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีการซื้อของออนไลน์ที่เป็นสิ่งที่ทำให้ค่าใช้จ่ายของลูกค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้สถาบันการเงินมีความกังวลมากเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าในปัจจุบัน ส่งผลให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออยู่มาก

สำหรับนโยบายการสนับสนุนด้านการลงทุนของหน่วยงานภาครัฐในการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเฉพาะจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่จะสนับสนุนเงินลงทุนสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยในการทำบ้านล้านหลังราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทนั้น มองว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยในระดับราคาดังกล่าวในปัจจุบันทำได้ค่อนข้างยาก เพราะปัจจุบันต้นทุนที่ดินได้ปรับเพิ่มขึ้นไปมาก ทำให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยตามราคาและขนาดที่ BOI กำหนดทำได้ยาก ประกอบกับผู้ประกอบยังไม่มีความมั่นใจความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยว่าจะมีประชาชนสนใจมากหรือน้อยเพียงใด เพราะไม่ทราบถึงจำนวนความต้องการที่ชัดเจนก่อน ซึ่งแตกต่างจากโครงการของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่มีการอนุมัติวงเงินสินเชื่อให้ก่อน ทำให้ผู้ประกอบการมีความมั่นความต้องการซื้อของลูกค้า แม้ว่าจะยังไม่มั่นใจว่ามีสินค้าที่ขายเพียงพอหรือไม่ ทำให้ความเสี่ยงของผู้ประกอบการมีน้อยมาก

โดยสมาคมอสังหาริมทรัพย์ได้ อยู่ระหว่างการเจรจากับ BOI ว่าจะขอเป็นการสนับสนุนในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ที่มีความเหมาะสม และตรงกับวัตถุประสงค์ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยในปัจจุบันที่ต้องการสร้างความเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบ

นายพรนริศ ยังกล่าวถึงนโยบายของพรรคการเมืองเรื่องการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วันขึ้นไปว่า ทำให้มีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านไหลเข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เพราะค่าแรงในประเทศไทยดึงดูดการเข้ามาทำงาน แต่ในส่วนของผู้ประกอบการจะต้องหันมาลดต้นทุน และจะต้องหันมาใช้หุ่นยนต์ในการทำงานแทน หรืออาจต้องย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่า เพราะค่าแรงถือเป็นต้นทุนหลักที่มีผลกระทบมากต่อดำเนินธุรกิจ อีกทั้งการปรับค่าแรงเพิ่มขึ้น จะส่งผลเสียต่อผู้บริโภค เพราะราคาสินค้าและบริการจะปรับตัวขึ้นก่อนที่ค่าแรงจะปรับเพิ่มขึ้นจริง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ