ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 30.82/87 อ่อนค่าจากวานนี้หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯหนุนดอลล์แข็ง ตลาดจับตาถ้อยแถลงประธานเฟด

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 9, 2019 09:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.82/87 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.77/78 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทในช่วงนี้ยังคงมีทิศทางอ่อนค่า จากผลของดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ หลังจากที่ตัวเลข เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.

อย่างไรก็ดี คาดว่าหลังจากนี้นักลงทุนจะจับตาปัจจัยการแสดงความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) ที่มีกำหนดจะแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรส ในระหว่างวันที่ 10-11 ก. ค.นี้ ว่าจะออกมาส่งสัญญาณเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงปลายเดือนของเฟดอย่างไร

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.75-30.90 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (8 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.48866% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.4480%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.60/109 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 108.45/50 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1200/1250 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1227/1230 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.8000 บาท/ดอลลาร์
  • ธปท.เร่งคลายเกณฑ์กำกับ เอื้อแบงก์-นอนแบงก์ปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลคล่องตัว รวดเร็วขึ้น ชี้แนวโน้มกำกับแบงก์ตามระดับ
ความเสี่ยง หากแบงก์ไหนเสี่ยงต่ำพร้อมคลายเกณฑ์ คาด 5 ปีแบงก์จับมือ"ฟินเทค-นอนแบงก์"ให้บริการการเงินครบวงจรมากขึ้น
  • ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เปิดเผยว่าขณะนี้ ก.ล.ต.และ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะการติดตามความเคลื่อนไหวของพัฒนาการของคริปโทเคอร์
เรนซีหรือสกุลเงินดิจิทัล ภายใต้ชื่อลิบรา เพื่อเตรียมความพร้อมและรับมือเนื่องจากลิบรามีการประกาศจะเปิดใช้งานต้นปี 63 เบื้องต้นทั้ง
2 หน่วยงานจะหารือร่วมกันหากจำเป็นต้องออกกฎหมายลูกก็พร้อมที่จะดำเนินการทันทีเพื่อใช้ดูแลและคุ้มครองให้กับนักลงทุนในประเทศไทย
  • รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยว่า กำลังติดตาม 3 ปัจจัย
หลักที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานภาพรวมในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้อย่างใกล้ชิดได้แก่ 1.การส่งออกปี 2562 ที่มีแนวโน้มสูงจะติดลบ 1% 2.
การบริโภคในประเทศที่ยังไม่ดีนักจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และ 3.การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีโดยเฉพาะภาคการผลิตและการค้าเริ่ม
หันมาใช้ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และอีคอมเมิร์ซมากขึ้น โดยจากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าการจ้างงานใหม่จากนี้จะมีไม่มากนัก และล่าสุดสภาพ
คล่องทางธุรกิจตึงตัว ดังนั้นรัฐบาลใหม่จะต้องเร่งเข้ามาบริหารงาน
  • ททท.ยืนยันเป้ารายได้การท่องเที่ยวปีนี้ ต้องขยายให้ได้ 9.5% ที่วงเงิน 3.38 ล้าน ล้านบาท ถือเป็นเป้าในการทำงาน
แม้กระทรวงท่องเที่ยวฯจะประเมินว่าปีนี้รายได้จะเติบโตได้แค่ 4.3%
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.)
โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากสหรัฐ
เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนมิ.ย.
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าได้สร้างแรงกดดันต่อตลาด
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งได้เข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจาก
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเมื่อคืนนี้
  • นักลงทุนลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. หลังจากกระทรวงแรง
งานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 224,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน
และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่ง
  • นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการ
เงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตรา
ดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้ หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนมิ.ย.

ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 10 ก.ค. และจะ แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 11 ก.ค.

  • นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนมิ.ย.จากสหพันธ์

ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนพ.ค., สต็อกสินค้า

คงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่

18-19 มิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ