นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวในงานเสวนาเรื่อง "Roadmap to Success: Up Close with Thailand's New Ministers" ในงานสัมมนา BANGKOK POST FORUM 2019 ทิศทางประเทศไทยภายใต้รัฐบาลใหม่ว่า กระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในช่วงปี 58-65 ภายใต้กรอบวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท (ปี 58-65) โดยในส่วนระบบขนส่งทางราง วางเป้าหมายภายใน 3 ปี ระบบรางคู่จะมีความสมบูรณ์ระดับหนึ่ง โดยจะยกระดับโลติสติกส์เข้าสู่ระบบรางให้ได้ 30% มีศูนย์การกระจายสินค้าระบบใหญ่ ๆ และผลักดันให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น
นอกจากนี้จะมีการเร่งรัดโครงการที่มีความล่าช้า อย่างการก่อสร้างบริเวณถนนพระรามสอง การให้ความสำคัญกับปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 การสร้างวินัยจราจร การให้บริการรถสาธารณะ ที่จะให้ความสำคัญกับการนำแอพพลิเคชั่นสมัยใหม่มาใช้ แต่ให้ใช้โดยบริษัทคนไทย ไม่ใช่จดทะเบียนในต่างชาติแล้วไม่เสียภาษี และเป็นการจัดระเบียบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯและปริมณฑลด้วยการนำเทคโนโลยีมาให้บริการประชาชน ด้วยการนำตั๋วร่วมมาใช้ในบริการรถสาธารณะของรัฐ โดยในส่วนค่าโดยสารรถไฟฟ้าก็จะพยายามปรับราคาให้อยู่ในระดับ 15 บาท รวมถึงการลดค่าผ่านทางพิเศษต่าง ๆ ด้วย
ส่วนการขนส่งทางน้ำก็จะเพิ่มทางเลือกให้เกิดการคนาคมทางน้ำมาขึ้น ขณะที่การขนส่งทางอากาศ ก็จะมีการพัฒนาท่าอากาศยานเพื่อให้รองรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น โดยพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานในจังหวัดต่าง ๆ เพิ่มเติมจากท่าอากาศยานหลักอย่างสุวรรรณภูมิ ดอนเมือง หรืออู่ตะเภา
"นโยบายผมให้กับกระทรวง คือ Thai First คนไทยต้องเป็นคนทำ คนไทยต้องเป็นคนใช้ คนไทยมีศักยภาพคนไทยต้องได้ทำ...และในยุคผมต้องไม่มีค่าโง่"นายศักดิ์สยาม กล่าว
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า สำหรับการบริหารจัดการบมจ.การบินไทย (THAI) ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศ และบริษัทในสังกัดกระทรวงคมนาคมนั้น ปัจจุบันอยู่ในสถานะที่ขาดทุนก็ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งแนวทางหนึ่งคือการลงทุน โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องบินที่มีสภาพค่อนข้างเก่า ก็จำเป็นต้องซื้อเพื่อทดแทน แต่ต้องได้มาตรฐานสากลและทำให้การบินไทยสามารถแข่งขันได้ ตลอดจนต้องพิจารณาเรื่องการดูแลและซ่อมบำรุงด้วย
"เรื่องเหล่านี้เราต้องกล้าที่จะทำเรื่องแบบนี้ เราเห็นตัวอย่างที่ญี่ปุ่น เข้าใจว่ามีล้มไปแล้วก็สร้างสายการบินที่สอง เขาก็ต้องทำแบบนี้กัน แต่วันนี้เอาเรื่องเฉพาะหน้าก่อน เครื่องบินที่มีของการบินไทยขณะนี้หมดอายุแล้ว แม้แต่เราเอง ผมไปต่างประเทศ ผมก็ไม่เลือก ถ้าไม่ลงทุนปล่อยให้เจ๊งก็จะเจ๊งไปเรื่อย ๆ แต่ลงทุนแล้วต้องมีการบริหารจัดการให้เกิดผลกำไร"นายศักดิ์สยาม กล่าว
นายศักดิ์สยาม ย้ำว่าการลงทุนเครื่องบินของการบินไทยยังมีความจำเป็น เพื่อทดแทนเครื่องบินที่ปลดระวาง ซึ่งแผนดังกล่าวปัจจุบันอยู่ในการพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ หลังจากนั้นจะส่งกลับมายังกระทรวง ซึ่งก็จะต้องดูรายละเอียดว่าการซื้อเครื่องบินใหม่เข้ามานั้นจะทำให้การบินไทยแข่งขันได้หรือไม่ หากเห็นว่าสามารถแข่งขันได้ก็พร้อมที่จะให้ดำเนินการ นอกจากนี้การบินไทยยังต้องศึกษาเรื่องราคาตั๋วที่มีราคาค่อนข้างแพงก็ต้องทำให้มีการแข่งขันได้ด้วย
ทั้งนี้ จากการที่ตนได้ส่งสัญญาณให้มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริษัทและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงที่มีผลงานไม่ได้ตามเป้าหมายนั้น ก็เห็นว่าการบินไทยเป็นหนึ่งในบริษัทที่ยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนเมื่อมีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการแล้ว คณะกรรมการก็จะเป็นคนประเมินผลงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) ต่อไป