(เพิ่มเติม) รมว.คลัง หนุนเพิ่มบทบาทตลาดทุน ช่วยพัฒนาการลงทุนของประเทศให้มีศักยภาพมากขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 14, 2019 13:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ระบุว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และให้การเติบโตกระจายไปอย่างครอบคลุมทั่วถึง ดังนั้นอยากให้ในส่วนของตลาดทุน โดย SET50 เข้ามามีบทบาทในการเป็นหัวหอกเพื่อช่วยพัฒนาการลงทุนของประเทศให้มีศักยภาพมากขึ้น "อยากให้มาร่วมกันคิดและช่วยกันทำทั่วประเทศ เริ่มตั้งแต่คนตัวเล็ก วิสาหกิจชุมชน สตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี ตลาดทุนมีศักยภาพมาก ทั้งกำลังพล กำลังทุน ถ้าเรามาบูรณาการร่วมกัน กระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม มันจะเป็นพลัง แล้วงานใหญ่จะเดินหน้าได้" รมว.คลัง กล่าวในการมอบนโยบาย "บทบาทตลาดทุนไทยและความคาดหวังเกี่ยวกับธรรมาภิบาล และความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน" พร้อมระบุว่า รัฐบาลจะพยายามผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรมได้ภายในปีนี้ นอกจากนี้ ยังต้องการให้ SET50 มาช่วยกันสร้างกระบวนการรับรู้ และความรอบรู้เกี่ยวกับตลาดทุน ตลาดเงินให้แก่ประชาชนในวงกว้าง เพื่อให้ทราบถึงทักษะในการลงทุน และการออมที่เหมาะสม เพื่อไปเชื่อมโยงกับกระบวนการกำกับดูแลที่เป็นธรรมาภิบาลซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ดำเนินการอยู่แล้วให้เป็นเนื้อเดียวกัน รมว.คลัง เชื่อว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางตลาดเงินและตลาดทุนในภูมิภาคนี้ ที่สำคัญคือต้องทำให้เกิดขึ้นจริง เพราะหากเป็นได้จริงจะช่วยในการปฏิรูปประเทศได้อย่างมาก ทั้งนี้เห็นว่าภาครัฐมีส่วนสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในด้านกฎระเบียบต่างๆ ให้เอื้อต่อการเข้ามาลงทุนในประเทศ ขณะเดียวกันตัวผู้ประกอบการเองก็ต้องสร้างความน่าสนใจด้วยการเร่งพัฒนาตัวเองด้วย "กองทุนขนาดใหญ่ นักลงทุนต่างประเทศ เขาไม่ได้มองว่าประเทศไทยมีโอกาสแค่ไหนอย่างไร แต่เขามองยาว ว่าถ้าเขาจะลงทุนในประเทศไทย มีการปรับตัวหรือไม่ ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้นหรือไม่ แน่นอนเรามีกฎเกณฑ์ของเราที่จะดูแล และคิดว่านักลงทุนเข้าใจ" นายอุตตมกล่าว

ส่วนการพิจารณาทบทวนรูปแบบของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) นั้น ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังศึกษาแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งมีหลายรูปแบบในการพิจารณา โดยคาดว่าจะนำเสนอให้ตนได้รับทราบในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะของประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ในเรื่องกองทุนหุ้นยั่งยืน ก็จะเป็นอีกหนึ่งในแนวทางที่ สศค.ต้องนำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน

"มันมีหลายรูปแบบที่เราต้องดู ก็จะดูว่าถ้าใช้แบบเดิม การลงทุนในกองทุนจะต้องเป็นแบบไหน หรือถ้าจะปรับเปลี่ยน มันจะต้องเป็นอย่างไรถึงจะเหมาะสม" นายอุตตมกล่าว

ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ยืนยันว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องออกมาตรการในการดูแลตลาดทุนเป็นพิเศษ แม้ในขณะนี้ตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนมาก เนื่องจากมองว่านักลงทุนสามารถบริหารการลงทุนตามกลไกตลาดได้เอง แต่ทั้งนี้ รัฐบาลควรสื่อสารและทำความเข้าใจกับนักลงทุนถึงแนวทางในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลให้ชัดเจน โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะออกมา โดยควรดำเนินการให้เกิดความชัดเจนโดยเร็วที่สุด เนื่องจากปัจจัยในประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักมากกว่า ปัจจัยขับเคลื่อนจากภายนอก "รัฐบาลไม่ต้องทำอะไร เพราะมองว่าหุ้นไทยยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เพียงแต่ต้องสื่อสารให้มากขึ้นว่าจากนี้ไปจะทำอะไรบ้าง ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลมีเม็ดเงินเพียงพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่"นายไพบูลย์ กล่าว พร้อมยอมรับว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงวานนี้เกิดจากบรรยากาศความไม่แน่นอนของทั่วโลกทั้งปัญหาสงครามการค้า ความขัดแย้งในฮ่องกง การเลือกตั้งใหม่ของอาเจนติน่าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำคนใหม่ ที่มีการดำเนินนโยบายประชานิยมสูง รวมถึงการเลือกตั้งในอิตาลีที่จะมาถึงด้วย ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐว่าฟื้นตัวหรือไม่ ดังนั้นตลาดหุ้นทั่วโลก จึงยังมีความผันผวน รวมถึงตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ที่ยังมีความเสี่ยงจากการลงทุนอยู่สูงเช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนจะต้องระมัดระวังการลงทุนให้เหมาะสม ทั้งนี้ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ยังคาดว่าดัชนีหุ้นไทยในช่วงสิ้นปีนี้ จะอยู่ที่ 1,750 - 1,800 จุด ตามที่คาดการณ์ไว้เดิมได้ เนื่องจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลดความแข็งกร้าวลงจากที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวดีขึ้นได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ