ภาวะตลาดเงินบาท: บาทปิด 30.50 จับตาผลประชุม FOMC-ภาวะตลาดน้ำมัน-การค้าสหรัฐฯกับจีน มองกรอบ 30.45-30.55

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 16, 2019 17:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 30.50 บาท/ดอลลาร์ จากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.51 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 30.47-30.54 บาท/ดอลลาร์

"ระหว่างวันเงินบาทวิ่งค่อนข้างกว้าง แต่ก็ไม่ได้แข็งค่าหรืออ่อนค่าไปกว่าภูมิภาค เพราะในตลาดมีทั้งสกุลที่แข็งค่าและ อ่อนค่า เช่น เงินวอนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินรูปีกับรูเปียห์อ่อนค่า"

นักบริหารเงิน กล่าวว่า ตลาดจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 17-18 ก.ย.62 ซึ่งคาดว่าจะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ช่วง 1.75-2.00% ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของธนาคารกลาง ยุโรป (อีซีบี) ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ และอาจเพิ่มแรงกดดันต่อเฟดได้บ้าง

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์จากเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งการค้าระหว่างสหรัฐฯกับ จีนที่ช่วงนี้ดูจะเงียบๆ ไป

ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทพรุ่งนี้ อยู่ระหว่าง 30.45-30.55 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.75 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 107.72 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1051 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 1.1076 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,662.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด, +0.06% มูลค่าการซื้อขาย 61,474.55 ล้าน
บาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,074.86 ลบ.(SET+MAI)
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25%
จากระดับ 2.00-2.25% ไปสู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 17-18 ก.ย.นี้
  • รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงกรณีเหตุโจมตี
โรงงานสองแห่งในพื้นที่ผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จนทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน และในวัน
พรุ่งนี้ (17 ก.ย.) จะนัดประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นวาระพิเศษเพื่อร่วมหารือมาตรการป้องกันผล
กระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อค่าครองชีพของประชาชนต่อไป
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์โจมตี
โรงงานสองแห่งในพื้นที่ผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ส่งผลกระทบให้การผลิตน้ำมันและ
ก๊าซลดลงครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิต หรือประมาณ 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลกนั้น ยังเชื่อว่า
สถานการณ์จะไม่ยืดเยื้อ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าคาดการณ์เดิมเล็กน้อยเพียง 0.01% และทั้งปียังอยู่ที่ 0.7-1.3%
  • หอการค้าอังกฤษ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า โดยได้ปรับลดตัวเลขของปีนี้
จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.3% เหลือเป็น 1.2% และปรับลดตัวเลขของปีหน้า จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.0% เหลือเพียง
0.8%
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ มีคำสั่งให้ปล่อยน้ำมันจากสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) หลังจากเกิดเหตุ
โจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
  • เว็บไซต์ของรัฐบาลจีนเผยแพร่ถ้อยแถลงของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อรัสเซียว่า เป็น
เรื่องยากที่จีนจะรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ระดับ 6% หรือมากกว่านั้น เนื่องจากต้องเผชิญความยากลำบากจากความซับซ้อน
ของสถานการณ์ในต่างประเทศ
  • ผู้บริหารของสมาพันธ์ธุรกิจซึ่งเป็นตัวแทนของภาคธุรกิจจาก 34 ประเทศทั่วภูมิภาคยุโรป รวมถึงอังกฤษ ออกโรง
เตือนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากอังกฤษตัดสินใจถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปโดยไร้ข้อตกลง (no-deal Brexit)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ