ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.38/40 กลับมาอ่อนค่าสวนทางภูมิภาค หลังธปท.ส่งสัญญาณดูแลเงินบาท-รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 10, 2019 17:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 30.38/40 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่เปิดตลาด ที่ระดับ 30.28 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 30.24-30.38 บาท/ดอลลาร์

"ระหว่างวันเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าสวนทางภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ยังแข็งค่าอยู่ น่าจะมาจาก ธปท.ส่งสัญญาณถึงการดูแลค่าเงิน บาท แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ คืนนี้ ซึ่งถ้าออกมาไม่ดีเงินบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่าได้อีก"นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่าง 30.30-30.45 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 107.37/40 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 107.59 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1027/1030 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 1.0985 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,607.50 จุด ลดลง 8.68 จุด, -0.54% มูลค่าการซื้อขาย 51,063.70 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,218.66 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประเมินว่า ค่าเงินบาทสิ้นปี 63 จะแข็งค่าต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 29.25 บาท/ดอลลาร์
จากความเสี่ยงของโลกที่ยังสูง โดยเฉพาะจากประเด็นสงครามการค้า ทำให้นักลงทุนยังคงต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ ค่าเงิน
บาท เนื่องจากประเทศไทยมีเสถียรภาพต่างประเทศแข็งแกร่ง โดยเฉพาะดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล และแนวโน้มที่จะได้รับการปรับขึ้นอันดับ
ความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะยังเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.อยู่ระหว่างเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อูแลค่าเงินบาทที่
แข็งค่าขึ้นมากในขณะนี้ ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากต่างประเทศ โดยคาดว่าจะประกาศใช้ในช่วง 1-2 เดือนนี้
  • นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะ
พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการส่งออก และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึงรายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจด้วย
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการทบทวนเป้าหมายเงินเฟ้อสำหรับปี 63 ว่า ขณะนี้ ธปท.อยู่
ระหว่างการหารือขั้นสุดท้ายร่วมกับกระทรวงการคลังก่อนที่จะลงนามร่วมกันและนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใน
ช่วงปลายปีนี้
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ย.62 อยู่ที่
ระดับ 72.2 จาก 73.6 ในเดือนส.ค.62 โดยเป็นการปรับตัวลดลงในรอบ 39 เดือน และต่ำสุดในรอบ 3 ปี
  • ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ปีนี้มาที่ 2.7% จากเดิมที่คาด
ไว้ 3.5% เนื่องมาจากหลายปัจจัยที่สำคัญ เช่น การส่งออกที่ลดลงมากกว่าคาดการณ์ในช่วงครึ่งแรกของปี 62, ประเทศไทยประสบปัญหา
ภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ, อัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐที่ต่ำและมีผลเหนี่ยวรั้งตัวเลขการลงทุนภาครัฐ
  • รมว.พาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยในการประชุมธุรกิจที่จัดโดยหอการค้าสหรัฐในประเทศออสเตรเลียวันนี้ว่า สหรัฐไม่ได้ต้องการ
เก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าจีนเป็นเวลานานกว่า 1 ปี แต่ระบุเสริมว่า การเก็บภาษีได้บังคับให้จีนต้องดำเนินการใดในสิ่งที่ควรทำ โดย
สงครามการค้าได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงิน
  • เจ้าหน้าที่ด้านการค้าและเศรษฐกิจระดับสูงของสหรัฐและจีนจะประชุมกันในวันนี้และวันพรุ่งนี้ที่กรุงวอชิงตัน เพื่อพยายามที่
จะยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ และหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ สหรัฐก็จะเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์จาก
25% เป็น 30% ในวันอังคารหน้า
  • นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ มีกำหนดพบปะกันในวันนี้ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ที่มีการ
ลงรายละเอียดเพิ่มขึ้น
  • คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้ปฏิเสธข้อเสนอของบริษัทบิตไวส์ แอสเซท แมเนจ
เมนต์ และตลาด NYSE Arca ที่จะจัดตั้งกองทุน Bitcoin ETF อีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่า ข้อเสนอดังกล่าวไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่จะ
ป้องกันการฉ้อโกง และการปั่นราคา
  • นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจฮ่องกงอาจหดตัวลงในปีนี้ หลังจากที่ได้หดตัวลงแล้วในไตรมาสสอง และคาด
ว่าภาวะหดตัวทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสาม โดยได้รับผลกระทบจากเหตุประท้วงในฮ่องกงซึ่งกระทบต่อทั้งภาคธุรกิจ
และการท่องเที่ยว และไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตัวขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ