ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินธุรกิจแบงก์ปี 63 เผชิญโจทย์ท้าทายรอบด้าน สินเชื่อโตในกรอบจำกัด NIM ชะลอลง NPLs ขยับขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 23, 2019 15:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ปี 2563 จะเป็นอีกปีที่ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังคงต้องเผชิญกับโจทย์ท้าทายรอบด้าน จากภาพเศรษฐกิจไทยปี 2563 ที่ยังขยายตัวในกรอบต่ำยังคงเป็นแรงกดดันต่อแนวโน้มการเติบโตของรายได้จากธุรกิจหลัก ทั้งการปล่อยสินเชื่อ และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย

ภาพรวมสินเชื่อปี 2563 อาจเติบโตเพียง 3.5% (ใกล้เคียงกับปี 2562) โดยคาดหวังการเติบโตต่อเนื่องของสินเชื่อธุรกิจที่ 2.0% ตามแรงหนุนจากบรรยากาศการลงทุน อย่างไรก็ดีสัญญาณอ่อนแอของกำลังซื้อในประเทศและตลาดส่งออก ตลอดจนแรงกดดันด้านต้นทุนและความผันผวนของค่าเงินบาทที่มีผลกระทบต่อสถานการณ์ธุรกิจเอสเอ็มอีมากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่อาจทำให้สินเชื่อเอสเอ็มอีปี 2563 ยังเติบโตเพียง 1.0% ซึ่งแม้จะเป็นทิศทางที่ดีขึ้นแต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเปรียบเทียบกับฐานที่ต่ำของปี 2562 ที่คาดว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีจะหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ 1.8% ส่วนทิศทางสินเชื่อรายย่อยนั้น อาจชะลอการเติบโตลงมาที่ 6.3% เนื่องจากพอร์ตหลักอย่างสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เร่งตัวไปมากแล้วในปี 2562 ประกอบกับภาระหนี้ที่สูงจะเป็นข้อจำกัดในการก่อหนี้ก้อนใหม่ในผลิตภัณฑ์สินเชื่ออื่นๆ

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และ NIM 1 มีแนวโน้มชะลอตัว ทั้งจากสินเชื่อที่เติบโตในกรอบต่ำและความเป็นไปได้ที่ผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อจะได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมหากอัตราดอกเบี้ยลดต่ำลงอีกในปี 2563 โดยคาดว่า NIM ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 2563 จะชะลอลงมาอยู่ในกรอบประมาณ 2.70-2.80% (จากคาดการณ์ที่ 2.82% ในปี 2562) โดย NIM อาจอยู่ใกล้เคียงกรอบด้านต่ำหากธนาคารพาณิชย์มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพียงขาเดียวหรือปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ร่วมกับการลดดอกเบี้ยเงินฝากเพียงบางผลิตภัณฑ์ เช่น เงินฝากประจำระยะยาว ทั้งนี้ ประเมินว่าหากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLR ลง 0.25% เพียงอย่างเดียว จะมีผลกระทบต่อ NIM ประมาณ 0.8-0.9%

รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ยังมีข้อจำกัดการฟื้นตัวเช่นกันโดยแม้ว่าผลกระทบจากการปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านช่องท งดิจิทัลจะทยอยลดลงตามลำดับ แต่คงต้องยอมรับว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังไม่กลับมาขยายตัวอย่างเต็มที่กลายเป็นข้อจำกัดการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมในส่วนอื่นๆทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ในเบื้องต้นว่า รายได้ค่าธรรมเนียมอาจเผชิญกรอบการเติบโตที่จำกัดในปี 2563 โดยอาจขยายตัวในระดับไม่เกิน 1.0-2.0% จากตัวเลขคาดการณ์ในปี 2562 ที่ 1.3%

ปัญหาคุณภาพสินเชื่อ ต้องได้รับการดูแลในเชิงรุกต่อเนื่องในปี 2563 เนื่องจากความสามารถในการชำระคืนหนี้ของทั้งลูกค้ารายย่อยและ ลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการยังน่าจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอน ในจังหวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตลอดจนปัจจัยกดดันเฉพาะของแต่ละธุรกิจ โดยคงต้องเฝ้าระวังประเด็นคุณภาพของสินเชื่อผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี สินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน สินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อบ้าน

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า สัดส่วน NPLs (ของระบบธ.พ.ไทยและสาขาธ.พ.ต่างประเทศ) ในปี 2563 มีโอกาสยืนในระดับที่สูงกว่า 3.00% ตลอดทั้งปี และอาจปิดสิ้นปี 2563 ที่กรอบประมาณ 3.02-3.10%

นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ยังต้องเตรียมรับมือกับโจทย์การปรับเปลี่ยนกรอบกฎเกณฑ์และแนวนโยบายของทางการ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อม/เงื่อนไขในการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ในปี 2563 โดยนอกเหนือจากมาตรฐาน TFRS9 แล้ว คงต้องรอติดตามกรอบกติกา/แนวนโยบาย/เกณฑ์ในด้านอื่นๆ ที่น่าจะมีการทยอยเปิดเผยรายละเอียดออกมาเพิ่มเติมในระหว่างปี

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จากการที่ธปท.ได้ทยอยชี้แจงเรื่องกรอบเวลาการใช้มาตรฐาน TFRS 9 ตลอดจนเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด ดังนั้นอาจสามารถกล่าวได้ว่าธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งมีเวลาเตรียมการและน่าจะมีความพร้อมสำหรับเรื่องมาตรฐาน TFRS 9 แล้ว อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญหลังจากนั้น ก็คือ ธนาคารพาณิชย์จะต้องติดตามและดำเนินการในเชิงรุกเพื่อดูแลคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ โดยไล่เรียงตั้งแต่การวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้แต่ละราย การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ การติดตามเพื่อประเมินสถานะทางการเงินของลูกค้า การแก้ไขและการปรับโครงสร้างหนี้เมื่อลูกหนี้เผชิญปัญหาไม่สามารถชำระคืนหนี้ ตลอดจนการตัดจำหน่ายและขายหนี้เสียบางส่วนออกไป เพราะกระบวนการทั้งหมดจะมีผลเชื่อมโยงกับแนวทางการกันสำรองในระดับที่เพียงพอและเหมาะสมของแต่ละธนาคาร

ภาพที่จะเห็นต่อเนื่องในปี 2563 ก็คือการหาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านต้นทุนของธนาคารพาณิชย์ ทั้งที่ดำเนินการผ่านการปรับปรุงรูปแบบการให้บริการของสาขาทบทวนจำนวนสาขาที่ให้บริการและบริหารจัดการให้จำนวนพนักงานต่อสาขามีความเหมาะสม รวมไปถึงการเพิ่มทักษะความชำนาญให้พนักงานให้มีศักยภาพที่หลากหลาย ตลอดจนการเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสภาวะการแข่งขันในตลาดให้บริการทางการเงินที่จะทวีความเข้มข้นมากขึ้นจากผู้เล่นอื่นๆ อาทิ ผู้ประกอบการ FinTech/TechFin และผู้ประกอบการ e-commerce โดยในปี 2563 น่าจะเห็นธนาคารพาณิชย์เร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านของการยกระดับการให้บริการทางการเงินด้วยการขยายฐานลูกค้าและเร่งสร้างรายได้ใหม่ๆ จากแพลตฟอร์มของธนาคารพาณิชย์ อาทิ การปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงผ่านช่องทางออนไลน์ ตลอดจนการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของพันธมิตรเพื่อเติมเต็มระบบนิเวศของบริการทางการเงินให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น

ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามในระหว่างปี 2563 น่าจะอยู่ที่พัฒนาการทางเศรษฐกิจ ระดับความเข้มข้นของกติกาและแนวนโยบายของทางการที่จะเกิดขึ้นทั้งในเรื่องค่าธรรมเนียมและอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนทิศทางของผลการประกอบการ ซึ่งภาพทั้งหมดนี้อาจมีผลต่อเนื่องมายังบทบาทของธนาคารพาณิชย์ในการทำหน้าที่ช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจและเศรษฐกิจไทยในภาพรวม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ