Ernst & Young Item Club (ITEM) บริษัทที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจชั้นแนวหน้าในประเทศอังกฤษเตือนว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐและอังกฤษอาจได้รับผลกระทบรุนแรง หากความผันผวนในตลาดเงินและสถานการณ์ในตลาดปล่อยกู้จำนองที่ตึงตัวทำให้วิกฤติการณ์สินเชื่อบานปลายออกไป ITEM เปิดเผยว่า ขณะที่ปัญหาสินเชื่อยังอยู่ในภาวะวิกฤตินั้น เศรษฐกิจในอังกฤษอาจชะลอตัวลงประมาณ 1.0% ในปี 2551 และชะลอตัวลง 0.5% ในปี 2552 ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวลงอย่างหนักถึง 1.5% ทั้งปี 2551-2552 ส่วนการขยายตัวของประเทศในเขตทวีปยุโรปอาจทรุดตัวลง 0.8% ในปี 2551 และ 0.5% ในปี 2552 ปีเตอร์ สเปนเซอร์ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาทางเศรษกิจประจำ ITEM กล่าวว่า การชะลอตัวในภาคธุรกิจการเงินอาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อระบบเศรษฐกิจของอังกฤษโดยรวม นอกจากนี้ ITEM ประเมินว่า สถาบันการเงินทั่วโลกอาจสูญเม็ดเงินถึง 1.00-1.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจากวิกฤติซับไพรม์ ซึ่งในจำนวนนี้ประกอบด้วยหนี้สินของลูกหนี้ที่ขาดความน่าเชื่อถือกว่า 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และยอดขาดทุนที่มาจากการขยายธุรกิจด้วยการกู้ยืม (LBO) หลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งยอดเงินจำนวนนี้จะส่งผลกระทบต่อการลงทุน ตัวเลขที่ทางสถาบันการเงินขาดทุนนี้เสมือนเป็นสัญญาณว่าวิกฤติสินเชื่อกำลังลุกลามไปทั่วโลก แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาล่าสุดจะยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งอยู่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม สเปนเซอร์ให้คำแนะนำว่า ธนาคารกลางควรยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้วยการใช้มาตรการบางอย่างเพื่อยับยั้งไม่ให้ตลาดเงินเผชิญความผันผวนไปมากกว่านี้ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน