ธนาคารดอยช์แบงก์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะอยู่ในช่วงชะลอตัวอันเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์ซับไพรม์ก็ตาม "ผลจากการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า การขยายตัวของ GDP จะชะลอตัวลงไม่ถึง 1% ถ้าการเติบโตของ GDP สหรัฐชะลอตัวลง 1%" หม่า จุน นักเศรษฐศาสตร์จากดอยช์แบงก์กล่าว "การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนน่าจะยังอยู่เหนือระดับ 10% แม้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะชะลอตัวลงเหลือ 0.7% ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ก็ตาม" นายหม่ากล่าวเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารทุนของจีนในวงจำกัด เนื่องจากมีมูลค่าตลาดของจีนในสหรัฐเพียง 8% เท่านั้น "แม้การถดถอยของตลาดสหรัฐจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในระยะสั้นต่อหุ้นเอชหรือหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง แต่การที่ตลาดจีนกลับมามีสภาพคล่องและมีเสถียรภาพ แสดงให้เห็นว่าตลาดจีนจะฟื้นตัวได้ในเร็ววันถ้ามีการปรับตลาดครั้งใหญ่เกิดขึ้น" เขากล่าว นอกจากนั้นการเทขายหุ้นในตลาดตราสารทุนของสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของตลาดใหม่ ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาระยะสั้นที่ส่งผลกระทบต่อหุ้นเอชได้ "เราคิดว่าวิกฤตการณ์ซับไพรม์ในสหรัฐจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนและจะไม่ส่งผลกระทบในระยะกลางต่อตลาดจีนมากนัก" เขากล่าว ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซาและนโยบายทางเศรษฐกิจของจีนได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรม 4 ภาคส่วน ได้แก่ การส่งออก โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งทอ, โลหะและโลหะพื้นฐาน เช่น อลูมิเนียมและทองแดง, การขนส่งสินค้า และอสังหาริมทรัพย์ บทเรียนสำคัญที่จีนได้รับจากวิกฤตการณ์ซับไพรม์คือ ธนาคารต่างๆ ควรบริหารความเสี่ยงและจำกัดการปล่อยกู้จำนองให้รัดกุมมากกว่านี้ สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงาน