ผลสำรวจ CEO ส่วนใหญ่มองภาคอุตฯ ต้องปรับตัวกับเป้าหมาย Net Zero ชี้เป็นโอกาสทางธุรกิจ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 22, 2021 12:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll
ครั้งที่ 13 ในเดือนธ.ค.64 ภายใต้หัวข้อ "พร้อมหรือไม่? กับเป้าหมาย Net Zero" พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. เห็นด้วยกับเป้า
หมายของประเทศไทยในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)
และการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 (พ.ศ. 2608)

ทั้งนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่าการปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และการจัดหาพลังงานสะอาดให้เพียงพอกับ ความต้องการ เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล จะเป็นประเด็นท้าทายของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ซึ่งภาค อุตสาหกรรมจะต้องปรับตัวเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ภายใต้ระเบียบวิธีการที่มีความเหมาะสมกับบริบทของประเทศ เพื่อให้ เกิดการใช้กลไกตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตอย่างมีประสิทธิภาพ

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 160 คน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 13 จำนวน 7 คำถาม ดังนี้

1. ภาคอุตสาหกรรมมีความเห็นอย่างไรกับเป้าหมายของประเทศ ในการเป็น Carbon Neutrality ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593) และ Net Zero ภายในปี 2065 (พ.ศ. 2608)

อันดับที่ 1 : เห็นด้วย 70.7% อันดับที่ 2 : ควรขยายเป้าหมายออกไปอีก 5 - 10 ปี 16.2% อันดับที่ 3 : ควรปรับเป้าหมายให้เร็วขึ้น 13.1%

2. ภาคอุตสาหกรรมมีความพร้อมในการซื้อขายคาร์บอนเครดิตหรือไม่ เพื่อสนับสนุนการมุ่งสู่ Carbon Neutrality

อันดับที่ 1 : อยู่ระหว่างศึกษา 72.5% อันดับที่ 2 : มีความพร้อมดำเนินการได้ทันที 17.5% อันดับที่ 3 : ยังไม่มีความพร้อม 10.0%

3. ปัจจัยใดจะช่วยส่งเสริมให้กลไกตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิต และแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการเป็น Carbon Neutrality

อันดับที่ 1 : ระเบียบวิธีการที่มีความเหมาะสมกับบริบทของประเทศและไม่ซับซ้อน 73.1% อันดับที่ 2 : มาตรการหรือสิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิต 72.5%

อันดับที่ 3 : การพัฒนากลไกตลาดและมาตรฐานการซื้อขายคาร์บอนเครดิตของไทยให้เป็นที่ยอมรับ 68.1%

อันดับที่ 4 : ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอยู่ในระดับที่เหมาะสม 66.9%

4. ประเด็นท้าทายของไทยในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero

อันดับที่ 1 : การปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และการจัดหา พลังงานสะอาดให้เพียงพอกับความต้องการ เพื่อ ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล 75.0%

อันดับที่ 2 : นโยบาย กฎระเบียบ และมาตรการจูงใจที่สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) 72.5%

อันดับที่ 3 : เทคโนโลยี/นวัตกรรมคาร์บอนต่ำ รวมทั้งเทคโนโลยีกักเก็บ และการนำคาร์บอนไปใช้ประโยชน์ (CCUS) ที่มีราคาเหมาะสม 66.9%

อันดับที่ 4 : การสร้างจิตสำนึกและความตระหนักของผู้บริโภคเพื่อให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์/บริการที่เป็นมิตรกับสิ่ง แวดล้อม 62.5%

5. ภาคส่วนใดที่มีส่วนสำคัญที่สุดในการทำให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero

อันดับที่ 1 : ภาคพลังงานและขนส่ง 50.0%

อันดับที่ 2 : ภาคกระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ 29.4%

อันดับที่ 3 : ภาคการจัดการของเสีย 11.3% อันดับที่ 4 : ภาคเกษตรกรรม 9.3%

6. ภาคอุตสาหกรรมจะต้องปรับตัวมากน้อยเพียงใด จากเป้าหมาย Net Zero

อันดับที่ 1 : ต้องปรับตัวเพราะเป็นโอกาสทางธุรกิจ 55.0% อันดับที่ 2 : ต้องปรับตัวบ้าง 24.4%

อันดับที่ 3 : ต้องปรับตัวอย่างมาก เพราะได้รับผลกระทบโดยตรง 20.6%

7. ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อการปฏิบัติตามมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเรื่องใด

อันดับที่ 1 : กฎระเบียบใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ 68.8%

อันดับที่ 1 : ต้นทุนทางการเงินในการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อลดการปล่อย GHG และราคาพลังงานทดแทนอาจ สูงขึ้น 68.8%

อันดับที่ 3 : มาตรการและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ 59.4%

อันดับที่ 4 : มาตรฐานการคำนวณและรับรองคาร์บอนเครดิตที่มีความแตกต่างกัน 51.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ