(เพิ่มเติม) ครม.ไฟเขียวแผนพัฒนาเกษตร 5 คลัสเตอร์ ในพื้นที่ EEC ปี 66-70

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 9, 2022 15:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาการเกษตร ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปี 66-70 เป็นเรื่องสำคัญขับเคลื่อนประเทศในอนาคต ยกระดับภาคเกษตรกรรมด้วยเทคโลโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ สร้างรายได้ให้เกษตรกร และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมเพิ่มขึ้น

โดยมีการแบ่งพื้นที่การพัฒนาในพื้นที่ EEC เป็น 5 คลัสเตอร์ ได้แก่ ผลไม้ ประมง พืชสำหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ พืชสมุนไพร และเกษตรมูลค่าสูง โดยจุดแข็งของการปรับโครงสร้างการเกษตรในพื้นที่ EEC ต้องเชื่อมโยงภาคเศรษฐกิจอื่นๆ ด้านระบบโลจิสติกส์ที่มีความพร้อมสูง ทั้งทางบก ทางทะเล ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อเป็นต้นแบบการพัฒนาภาคการเกษตรในภูมิภาคอื่นๆ ของไทย และรัฐบาลมีแนวคิดส่งเสริมเขตพัฒนาพิเศษอีก 10 แห่งในอนาคต

นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำเรื่องการเกษตรว่า เป็นห่วงการใช้น้ำ พร้อมได้สั่งการให้ศึกษาหาวิธีการใช้น้ำให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก โดยเฉพาะข้าว เพื่อให้บริหารการใช้น้ำและการทำนาเป็นไปตามความต้องการของพืช โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับเรื่องและดำเนินการไปแล้วบางส่วน โดยให้ขยายไปทุกพื้นที่

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (66-70) มีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ประกอบด้วย 101 โครงการ กรอบวงเงินรวม 2,845.55 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณจากภาครัฐ 1,535.55 ล้านบาท และภาคเอกชน 1,310 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายพัฒนาการเกษตร แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.เป้าหมายรวม เช่น ยกระดับรายได้เกษตรกรภายในปี 2580 และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในสาขาเกษตรเพิ่มขึ้น 2.เป้าหมายระดับจังหวัด เช่น จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเชิงอุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรี เป็นแหล่งพืชพลังงาน และ จังหวัดระยอง เป็นแหล่งรวบรวมผลไม้และอาหารทะเลสด และ 3.เป้าหมายคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพและดำเนินการได้ทันที ประกอบด้วย 5 คลัสเตอร์ ได้แก่

1. ผลไม้ เน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ตลาดสินค้ามูลค่าสูง เช่น ทุเรียน มังคุด มะม่วง ในพื้นที่จังหวัดระยอง และฉะเชิงเทรา

2. ประมงเพาะเลี้ยง เน้นการเพิ่มมูลค่าในห่วงโซ่อุปทานด้วยเทคโนโลยีการผลิตและสร้างเศรษฐกิจใหม่ เช่น กุ้งก้ามกราม กุ้งขาว และปลานิล ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และระยอง

3. พืชสำหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ เน้นยกระดับผลผลิตมันสำปะหลังให้มีคุณภาพ และมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ส่งเสริมการแปรรูปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าสินค้า ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี

4. พืชสมุนไพร เน้นการพัฒนาสมุนไพรอย่างครบวงจรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชาย กัญชงและกัญชา ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราและชลบุรี

5. เกษตรมูลค่าสูง เน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ตลาดสินค้ามูลค่าสูง เช่น เนื้อโคพรีเมียมคุณภาพสูง และไข่ไก่อินทรีย์ ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง

สำหรับการขับเคลื่อนร่างแผนปฏิบัติการ จะดำเนินการภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยกระดับผลิตภาพการผลิตโดยเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ จำนวน 34 โครงการ วงเงิน 596.21 ล้านบาท ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรมและการตลาด จำนวน 24 โครงการ วงเงิน 845.54 ล้านบาท และยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ภาคเกษตรและสร้างบรรยากาศเข้าสู่ธุรกิจการเกษตรสมัยใหม่ จำนวน 43 โครงการ วงเงิน 1,403.8 ล้านบาท

โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรก (66-67) เน้นเตรียมการปรับโครงสร้างการพัฒนาการเกษตรด้วยเทคโนโลยีการเกษตรและดำเนินการพัฒนาคลัสเตอร์สินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ ระยะกลาง (68-70) เน้นการขับเคลื่อนการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่ากับภาคเกษตร พร้อมทั้งต่อยอดคลัสเตอร์การเกษตร เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเป้าหมายสมัยใหม่ และระยะถัดไป (ตั้งแต่ปี 71) มุ่งเน้นให้เกิดนวัตกรรมทั้งในการผลิตและการพัฒนาสินค้า ซึ่งต้องตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาดสินค้าเกษตรและตอบสนองต่อความต้องการอาหารรูปแบบใหม่ๆ

"ประโยชน์ที่จะได้รับจากร่างแผนปฏิบัติการนี้ เป็นการปรับโครงสร้างการเกษตรในพื้นที่ EEC ให้เชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจอื่นๆ และเป็นต้นแบบการพัฒนาภาคการเกษตรในประเทศไทย ที่เน้นการประยุกต์และพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดสินค้าเกษตรไทย และเกิดการกระจายรายได้ไปสู่เกษตรกร" น.ส.รัชดา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ