ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.66 แข็งค่าจากช่วงเช้า ตลาดรอติดตามปัจจัยสำคัญใน-ตปท.สัปดาห์หน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 19, 2022 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.66 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.74 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.65 - 35.78 บาท/ดอลลาร์

โดยสัปดาห์หน้ามี ปัจจัยสำคัญทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ กรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นคำร้องให้ประธาน รัฐสภา ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ปมวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรี ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ต้องติดตามประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมแจ็คสันโฮล เกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยของเฟด

นักบริหารเงิน คาดว่า ต้นสัปดาห์หน้า เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.60 - 35.80 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 136.60 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 136.17 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0061 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0075 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,625.92 จุด ลดลง 10.15 จุด (-0.62%) มูลค่าการซื้อขาย 70,953 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,571.77 ลบ.(SET+MAI)
  • ที่ประชุม ศบค.ยังไม่พิจารณาเรื่องการยกเลิกบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากที่จะครบ
กำหนดในเดือนก.ย.65 โดยขอประเมินสถานการณ์ต่ออีกระยะ ขณะที่นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า วันนี้การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยังมีความจำ
เป็น แต่ใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการดูแลสถานการณ์โควิด-19 เท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้มุ่งหวังจะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อประเด็นอื่น
  • ที่ประชุม ศบค. อนุมัติขยายระยะเวลาพำนักของผู้เดินทางเข้าประเทศไทย จากไม่เกิน 30 วัน เป็นไม่เกิน 45 วัน และ
จากไม่เกิน 15 วัน เป็นไม่เกิน 30 วัน โดยให้มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.65 - 31 มี.ค.66 ทั้งนี้ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเยียวยาผลกระทบ
จากสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งช่วยเพิ่มรายได้การท่องเที่ยว กระตุ้นให้เกิดการเดินทาง และเพิ่มค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว
  • โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ถึงสถานการท่องเที่ยวระหว่าง
ประเทศว่า หลังจากมีการผ่อนคลายมาตราการ พบว่า เดือนก.ค. 65 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแล้วกว่า 1,070,000 คน ทำให้
จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมระหว่างวันที่ 1 ม.ค. -17 ส.ค. 65 มีจำนวน 3,780,209 คน เพิ่มขึ้น 3,214% (YoY) ส่งผลให้มีรายได้
176,311 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ มาเลเซีย, อินเดีย, สิงคโปร์, สหราชอาณาจักร และ
เวียดนาม
  • สมาคมเมตาเวิร์สไทยเผยอุตสาหกรรมเมตาเวิร์สและธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีส่วนผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย โดยภายใน
4 ปีข้างหน้าคาดว่าจะมีมูลค่าแตะ 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยสมาคมฯอาสาเป็นตัวกลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ประกอบการไทยสร้างมาตราฐาน
เทคโนโลยีเดียวกันและเชื่อมโยงเมตาเวิร์สในระดับโลก
  • องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์ยืนยันรายงานการพบสุนัขติดเชื้อฝีดาษลิงจากคน ซึ่งเป็นกรณีการติดเชื้อจากคน
สู่สัตว์เป็นครั้งแรก
  • ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยหอการค้าอเมริกันในไต้หวัน (AmCham Taiwan) แสดงให้เห็นว่า บริษัทสหรัฐในไต้หวันไม่ได้รับผล
กระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการที่จีนซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ดี บริษัทเหล่านี้มีความกังวลมากขึ้น
  • รายงานจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียหรือเอดีบี (ADB) ระบุว่าคลังข้อมูลขนาดใหญ่หรือบิ๊กดาต้า (Big data) มี
ศักยภาพมหาศาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว ในยุคหลังการระบาดของโรคโควิด-19 โดยสร้างประโยชน์
ด้านสาธารณสุข สวัสดิการสังคมและการคุ้มครอง และการศึกษา คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.56 ล้านล้าน
บาท)
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.10% และ
ปรับลดอัตราดอกเบี้ย LRP ประเภท 5 ปีลงมากกว่า 0.10% ในวันจันทร์ที่ 22 ส.ค.นี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว หลังจากเศรษฐกิจภาย
ในประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์

ธนาคารกลางจีนจะแถลงมติอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี และ 5 ปีในวันจันทร์นี้ โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีอยู่ที่ระดับ 3.7% และอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีอยู่ที่ระดับ 4.45%

  • โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จีนในปี 2565 ลงสู่ระดับ
3% จาก 3.3% ขณะที่โนมูระปรับลดคาดการณ์ GDP จีนในปี 2565 ลงเหลือ 2.8% จากระดับ 3.3%
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะรายงานในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนก.ค.,
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่าง
งานรายสัปดาห์ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2565 (ประมาณการครั้งที่ 2)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ