
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิต ยังคงมุ่งเน้นในการดำเนินนโยบายด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง โดยต่อยอดการดำเนินงานเพื่อมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน (Sustainability) เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ และความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย และปรับปรุงการทำงานให้เป็นองค์กรที่ทันสมัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตลอดจนพัฒนาบุคลากรของกรมสรรพสามิตให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับในด้าน E และ S (Environment and Social) จะเน้นนโยบายการขยายฐานภาษี เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น การจัดเก็บภาษีคาร์บอน การปรับโครงสร้างภาษีแบตเตอรี่ การปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ เพื่อรองรับมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า การส่งเสริมอุตสาหกรรมสุราชุมชน และการจัดเก็บภาษีโซเดียม เป็นต้น
ส่วนในด้าน G (Governance) จะมุ่งเน้นการปรับกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต ทั้งด้านการบริหารการจัดเก็บภาษี การปราบปราม และการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ ตลอดจนการบูรณาการความร่วมมือ และสื่อสารกับภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจและการยอมรับร่วมกัน
น.ส.กุลยา กล่าวว่า สำหรับในด้านนโยบายภาษี จะใช้ภาษีสรรพสามิตเป็นเครื่องมือในการสร้างความยั่งยืน โดยการรักษาสมดุลระหว่างรายได้ และผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจ เพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน เช่น
- ภาษีรถยนต์ จะมีการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine: ICE) ไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility) ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี EV PHEV HEV และ Hydrogen ตามนโยบายรัฐบาล
- ภาษีแบตเตอรี่ จะมีการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ที่จำเป็นต้องมีการใช้แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ โดยกำหนดเกณฑ์ตามค่า Energy Density หรือประจุไฟฟ้าต่อน้ำหนัก และ Lifecycle หรือรอบการอัดประจุไฟฟ้า
- ภาษีคาร์บอน จะเป็นการเพิ่มกลไกราคาคาร์บอนภายในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ำมัน จากการคำนวณค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับราคาคาร์บอน เพื่อสร้างความตระหนักในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคประชาชน และภาคอุตสาหกรรม โดยเน้นย้ำว่าการเพิ่มกลไกดังกล่าว จะไม่กระทบต่อภาระภาษีสรรพสามิตในปัจจุบัน
- การแก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบ โดยส่งเสริม และสนับสนุนอุตสาหกรรมสุราชุมชน เพื่อต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มีมาตรฐานและแข่งขันได้
- ภาษีโซเดียม อยู่ระหว่างการศึกษาประเภทสินค้าสำเร็จรูป และการกำหนดเกณฑ์ปริมาณโซเดียมที่จะจัดเก็บ ซึ่งจะเป็นภาษีที่ต้องการมุ่งเน้นด้านสุขภาพประชาชนเป็นหลัก
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวด้วยว่า ในด้านนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการจัดเก็บภาษี กรมฯ อยู่ในระหว่างดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ประกอบด้วย
- การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้กลไกอัตราตามมูลค่า ซึ่งฐานภาษีสำหรับอัตราตามมูลค่าในปัจจุบัน คือ "ราคาขายปลีกแนะนำ" โดยการกำหนดหลักเกณฑ์การแจ้งราคาขายปลีกแนะนำให้เข้มงวด และรัดกุม การกำหนดหลักเกณฑ์การสำรวจ และการจัดเก็บข้อมูลเพื่อพิจารณาฐานนิยม การปรับปรุงฐานข้อมูลด้านต้นทุนและค่าใช้จ่าย การกำหนดขั้นตอนการพิจารณาโครงสร้างราคาขายปลีกแนะนำให้ชัดเจน และใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ตลอดจนการกำหนดราคาของกลาง เพื่อใช้กระบวนการคำนวณเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
- การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ที่สามารถแสกน QR CODE เพื่อตรวจสอบการชำระภาษีผ่านการใช้ E-stamp สำหรับสินค้าสุรา ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการใช้ E-stamp กับสินค้าบุหรี่ซิกาแรต ที่ประชาชนสามารถตรวจสอบการชำระภาษีสำหรับสินค้าบุหรี่ซิกาแรตได้ โดยมีการจัดเก็บข้อมูล อาทิ ตราสินค้า รายละเอียดสินค้า ชื่อผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า วันที่ชำระภาษี สถานที่จัดส่ง และราคาสินค้า เป็นต้น
โดยผู้ซื้อสามารถตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ว่าตรงกับสินค้าหรือไม่ และหากพบว่า ข้อมูลของสินค้ากับข้อมูลที่ปรากฏไม่ตรงกัน ผู้ซื้อสามารถโทรแจ้งมายัง สายด่วนสรรพสามิต โทร. 1713 ได้ เพื่อกรมสรรพสามิต จะเข้าไปตรวจสอบต่อไป
- การพัฒนาคนให้มีความรู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านเทคโนโลยีและกฎหมาย เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งจะมีการสร้างวัฒนธรรมองค์กรในรูปแบบ Digital เช่น พัฒนาบุคลากรให้มีทักษะทางด้านดิจิทัลแบบ Multi-Skilled Digital และพัฒนาเป็นระบบ e-Knowledge Sharing การถ่ายทอดความรู้ผ่านระบบโรงเรียนสรรพสามิต Excise School ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกเรียนเนื้อหาเรื่องที่สนใจ และพัฒนาทักษะของตนเองให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง
- การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำงาน โดยการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานโดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ Digitalization 4 ด้าน ได้แก่ D-Service D-Office D-culture และ D-standard ตัวอย่างเช่น การขึ้นทะเบียน การยื่นแบบชำระภาษี การชำระเงิน และการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ตลอดจนการใช้ Big Data และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อคาดการณ์รายได้ และกำหนดนโยบายภาษี รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูล เพื่อประกอบการตัดสินใจในเชิงนโยบาย