กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 7.8% ในเดือนเม.ย. แตะ 6.09 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2549 อันเป็นผลมาจากการที่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น โดยในเดือนเม.ย. ยอดส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐมีการขยายตัว 3.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.555 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนยอดขายเครื่องบินพาณิชย์ เครื่องจักรเพื่อการเกษตร อุปกรณ์การแพทย์ และคอมพิวเตอร์ ก็ปรับตัวสูงขึ้นทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ยอดนำเข้าสินค้าและบริการกลับมีการขยายตัวมากกว่า โดยเพิ่มขึ้น 4.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.164 แสนล้านดอลลาร์ ยอดนำเข้าที่ที่สูงขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.93 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาน้ำมันเฉลี่ยต่อบาร์เรลพุ่งทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะเดียวกัน ยอดนำเข้ายานยนต์และสินค้าผู้บริโภคก็มีการขยายตัวอย่างมากในเดือนเม.ย. ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 7.075 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 7.003 แสนล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้มีกระแสคาดการณ์ว่ายอดขาดดุลการค้าของสหรัฐจะหดตัวลงในปีนี้ เนื่องจากผู้บริโภคต้องการสินค้าจากต่างประเทศน้อยลงหลังจากเศรษฐกิจในประเทศเกิดการชะลอตัว ในขณะเดียวกันเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะช่วยกระตุ้นภาคการส่งออกให้ขยายตัวมากขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน