นายฌอง-คล็อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปจะชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสที่สองและสามของปีนี้ "แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในเขตยูโรโซนรายล้อมไปด้วยความไม่แน่นอน โดยจะเห็นได้จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีความผันผวนอยู่มาก ขณะที่ตลาดเงินเผชิญความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง" นายทริเชต์กล่าวในการแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมกับเจ้าหน้าที่ของ ECB "โดยภาพรวมแล้ว เศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะขาลง ซึ่งเราเห็นว่ามีความเสี่ยงบางอย่างเกิดขึ้นในส่วนของภาคการบริโภคและการลงทุนที่หดตัวลง เนื่องจากราคาอาหารและพลังงานปรับตัวสูงขึ้น" เขากล่าว ทริเชต์กล่าวเสริมว่า ECB ได้ตัดสินใจที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิมที่ 4.25% เมื่อวานนี้เพื่อสกัดกั้นภาวะเงินเฟ้อโดยให้เหตุผลว่า "เงินเฟ้อรายปีในเขตยูโรโซนมีแนวโน้มทรงตัวสูงกว่าระดับที่เรียกว่ามีเสถียรถาพด้านราคา ซึ่งภาวะดังกล่าวจะกินเวลายาวนานต่อเนื่องออกไปสักระยะหนึ่ง" สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ยูโรอ่อนค่าลงหนักที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5396 ดอลลาร์ต่อยูโร ทันทีที่นายทริเชต์กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อเศรษฐกิจในเขตยูโรโซน หลังจากที่เงินยูโรเคลื่อนไหวที่ระดับ 1.5502 ดอลลาร์ต่อยูโรในก่อนหน้านี้