ผู้บริโภคชาวสหรัฐอาจปรับลดพฤติกรรมการจับจ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์ในตลาดแรงงานที่ซบเซาทำให้ชาวอเมริกันต้องรัดเข็มขัดกันถ้วนหน้า
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดการใช้จ่ายส่วนบุคคลซึ่งคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดของระบบเศรษฐกิจจะเผชิญภาวะชะงักงันในไตรมาสที่ 3
"ในที่สุดแล้วดูเหมือนว่าผู้บริโภคชาวสหรัฐจะต้องลดการใช้จ่าย" อีธาน แฮร์ริส หัวหน้านักวิเคราะห์จากเลห์แมน บราเธอรส์ โฮลดิ้ง อิงค์กล่าว "เศรษฐกิจของเรากำลังก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเต็มตัว"
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การปรับลดอัตราการจ้างงานต่อเนื่อง 8 เดือน ประกอบกับค่าจ้างที่ไม่ปรับตัวตามเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น และมูลค่าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขด้านสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นอาจกดดันตัวเลขการใช้จ่ายให้ซบเซาต่อเนื่องในปี 2552
อย่างไรก็ตาม การประกาศแผนอุ้มกิจการของแฟนนี เมและเฟรดดี้ แมค ของรัฐบาลสหรัฐจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันมิให้เศรษฐกิจเลวร้ายไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในระดับ 1.2% ต่อปีในไตรมาสนี้ หลังจากที่พุ่งทะยานขึ้น 3.3% ในไตรมาสที่ 2 อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างของดุลบัญชีการค้าที่ลดลงในไตรมาสล่าสุดและการใช้จ่ายเงินที่เพิ่มขึ้นนั้นได้รับแรงกระตุ้นจากนโยบายคืนเงินภาษีของรัฐบาล
นอกจากนี้ ผลสำรวจระบุด้วยว่า อัตราการใช้จ่ายผู้บริโภคจะขยายตัวขึ้นที่ระดับ 0.4% ในปลายปีนี้ และจะไต่ระดับขึ้นที่ 1% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์:
[email protected]