นักวิเคราะห์จากบริษัท BlackRock Inc. คาดการณ์ว่า สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอาจดีดตัวขึ้นมาประมาณ 10% ในปีนี้เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รัฐบาลหาทางกระตุ้นความเคลื่อนไหวในตลาดเงิน
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียเทรดใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐขณะตลาดสินเชื่อและตลาดหุ้นที่ซบเซากลายเป็นปัจจัยที่หนุนเงินดอลลาร์และกระตุ้นให้นักลงทุนลดส่วนสัดการลงทุนในสกุลเงินต่างประเทศ โดยในวันนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียได้ยื่นมือเข้าแทรกแซงตลาดเป็นวันที่ 2 ด้วยการซื้อสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่ร่วงลงแตะระดับ 60.57 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2546 หลังจากที่เคยพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 25 ปีที่ 98.49 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อวันที่ 16 ก.ค.
สตีเฟ่น มิลเลอร์ นักวิเคราะห์จาก BlackRock Inc.กล่าวว่า "เงินดอลลาร์ออสเตรเลียอาจดีดตัวขึ้นได้ หากความตื่นตระหนกในตลาดเริ่มคลี่คลายลง"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 14.44 น. ตามเวลาท้องถิ่น เงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง 0.3% แตะที่ 62.08 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 62.23 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ออสเตรเลียยังซื้อขายที่ระดับ 58.27 เยนต่อดอลลาร์ออสเตรเลียหลังเคลื่อนไหวแตะที่ 55.14 เยนต่อดอลลาร์ออสเตรเลียซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่มีการเปิดตลาดเสรีในปี 2526
ขณะเดียวกัน รัฐบาลทั่วโลกให้คำมั่นที่จะอัดฉีดเงินหลายล้านล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินและฟื้นฟูตลาดสินเชื่อ หลังจากที่เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์ประสบภาวะล้มละลายเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ตลาดเข้าสู่ภาวะชะงักงัน
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปีนี้ สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงไปแล้ว 29% ขณะที่ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ UBS Bloomberg Constant Maturity Commodity index ของวัตถุดิบ 26 ประเภททรุดตัวลง 26% ซึ่งสินค้าประเภทวัตถุดิบที่ไม่นับรวมทองคำและน้ำมันดิบนั้นมีสัดส่วนคิดเป็น 60% ของสินค้าส่งออกของออสเตรเลีย